นายนิรันดร์ ยิ่งมหิศรานนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เปิดเผยว่า สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรีได้ดำเนินจัดโครงการเหมืองแร่สร้างสุข ส่งเสริมอาชีพชุมชน ประจำปีงบประมาณ 2565 ภายใต้การจัดสรรงบประมาณจากการเก็บเงินบำรุงพิเศษ โดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
ทั้งนี้ เพื่อมุ่งยกระดับอาชีพชุมชนให้แก่ประชาชน วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ SMEs รอบกิจการเหมืองแร่ใน จ.สระบุรี รวม 4 อำเภอ ได้แก่ อ.แก่งคอย อ.พระพุทธบาท อ.เฉลิมพระเกียรติ และอ.มวกเหล็ก รวม 42 กิจการ ช่วยเติมเต็มเศรษฐกิจให้ชุมชนเติบโตเข้มแข็งอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
โดยจะเน้นผลักดันกระบวนการผลิตและแปรรูปผลผลิตภาคการเกษตรให้มีมาตรฐาน สร้างมูลค่าเพิ่มด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมครบวงจร และพัฒนาทักษะความรู้การค้าออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม เพิ่มช่องทางการขายใหม่ และเตรียมทดสอบตลาด หนุนจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการพัฒนายกระดับ ซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นการสร้างมูลค่าเศรษฐกิจให้กับประเทศไม่น้อยกว่า 46.2 ล้านบาท มีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 32.43% ในปีแรก
สำหรับจังหวัดสระบุรีเป็นจังหวัดที่มีแหล่งแร่อุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะแร่หินปูนเพื่ออุตสาหกรรมซีเมนต์และแร่หินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง สร้างรายได้ให้แก่ภาครัฐจากการเก็บค่าภาคหลวงแร่ได้สูงเป็นอันดับ 1 ของประเทศ 1,300 ล้านบาทต่อปี
อย่างไรก็ตาม พบว่าจังหวัดสระบุรียังมีความเหลื่อมล้ำทางรายได้ของประชาชนในพื้นที่ ประชาชนมีภาระหนี้สิน รายได้ไม่พอกับรายจ่ายเนื่องจากไม่มีอาชีพเสริมหลังจากการทำอาชีพหลัก ไม่มีการส่งเสริมการรวมกลุ่มอาชีพอย่างต่อเนื่อง สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรีจึงได้จัดทำโครงการเหมืองแร่สร้างสุขดังกล่าว
“โครงการเหมืองแร่สร้างสุข ส่งเสริมอาชีพชุมชน มุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพด้านกระบวนการผลิตและการแปรรูปผลผลิตภาคการเกษตร ยกระดับราคาสินค้าภาคการเกษตร เพิ่มทักษะด้านการประชาสัมพันธ์เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดใหม่ ซึ่งจะช่วยเติมเต็มความต้องการด้านเศรษฐกิจของจังหวัดทำให้ประชาชนและชุมชนในพื้นที่เกิดอาชีพมีการสร้างรายได้ที่มั่นคง สร้างชุมชนที่มีความสุข และยังช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของกิจการเหมืองแร่ในการอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างสมดุล นอกเหนือจากกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม"
นายนพดล ชีวะอิสระกุล อุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรี กล่าวว่า โครงการฯ เริ่มดำเนินกิจกรรมมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2565 จัดให้มีกิจกรรมการพัฒนาผู้ประกอบการรวม 42 ราย แบ่งเป็น ผู้ประกอบการเพิ่งเริ่มต้น (Startup/New Entrepreneurs) เป็นการเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการ
โดยการยกระดับการผลิตสินค้าตามกฎหมายของไทย เช่น การขออนุญาตสถานที่ผลิต การขอเลขผลิตภัณฑ์ จำนวน 11 ราย แบ่งเป็นอาหารและเครื่องดื่ม 9 ราย ไม่ใช่อาหาร 2 ราย และผู้ประกอบการเดิมที่ต้องการต่อยอด (Regular)
ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันอาหารได้เข้ามาช่วยปรับปรุง/พัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ให้พร้อมเข้าสู่ธุรกิจออนไลน์ และช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 31 ราย แบ่งเป็นอาหารและเครื่องดื่ม 28 ราย ไม่ใช่อาหาร 3 ราย
นอกจากนี้ยังได้จัดกิจกรรมอบรมเพิ่มทักษะการจัดทำสื่อสังคมออนไลน์ส่งเสริมการขาย เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ตลาดวิถีใหม่ในทุกแพลตฟอร์ม เช่น การจดทะเบียน Facebook Fan page ,Line Official Account และInstagram เป็นต้น
รวมถึงการออกแบบหน้าหลักของกิจการให้มีความสวยงามดึงดูดความสนใจ ถ่ายทอดพื้นฐานการใช้งานและการบริหารจัดการเนื้อหา เทคนิคการถ่ายภาพสินค้า และการ live ขายสินค้าเพื่อให้สามารถบริหารจัดการเครื่องมือสำหรับการค้าออนไลน์ได้ด้วยตนเอง โดยจัดอบรม 2 วัน จำนวน 4 ครั้ง มีผู้เข้าอบรมรวม 206 คน ซึ่งพบว่าผู้เข้าอบรมไม่น้อยกว่า 88.43% มีทักษะเพิ่มขึ้นสามารถนำไปใช้สร้างยอดขายสินค้าจากช่องทางตลาดออนไลน์ได้
ขณะนี้ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ได้ผ่านการต่อยอด ปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากทีมที่ปรึกษาสถาบันอาหาร มีความพร้อมเข้าสู่ธุรกิจออนไลน์และช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ จำนวน 31 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่