แรงเทขายทำกำไร ฉุดทองคำนิวยอร์กปิดร่วง 12.2 ดอลล์

10 ก.พ. 2566 | 00:09 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (9 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นทะลุระดับ 1,900 ดอลลาร์ในระหว่างวัน

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 12.2 ดอลลาร์ หรือ 0.65% ปิดที่ 1,878.5 ดอลลาร์/ออนซ์
         

  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 27.7 เซนต์ หรือ 1.24% ปิดที่ 22.143 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 23 ดอลลาร์ หรือ 2.33% ปิดที่ 964.2 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 19.2 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 1,616.70 ดอลลาร์/ออนซ์

 

คริสแทน คาร์นานี นักวิเคราะห์จากบริษัท Insignia Consultants กล่าวว่า นักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากสัญญาทองคำทะยานขึ้นเหนือระดับ 1,900 ดอลลาร์ นอกจากนี้ การแสดงความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดยังเป็นปัจจัยฉุดตลาดทองคำ

เจ้าหน้าที่ธนาคารกลาง (เฟด)  4 คนได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในผู้ว่าการเฟดกล่าวว่า ภารกิจของเฟดในการต่อสู้กับเงินเฟ้อยังไม่จบ ซึ่งทำให้เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะชะลอตัวลง

ขณะที่นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์กกล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับที่คุมเข้ม (Restrictive Level) ต่อไปอีกประมาณ 2-3 ปี เพื่อให้มั่นใจว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐจะปรับตัวลงสู่ระดับต่ำเท่ากับในช่วงก่อนที่โรคโควิด-19 จะแพร่ระบาด
 

 

ด้านนางลิซา คุก ผู้ว่าการเฟดกล่าวว่า เจ้าหน้าที่เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะควบคุมเงินเฟ้อ และจำเป็นต้องเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป อย่างไรก็ดี เธอมองว่าเฟดควรจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อที่คณะกรรมการเฟดจะมีเวลาในการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจหลังจากที่ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา

เช่นเดียวกับนายนีล แคชคารี ประธานเฟดสาขามินเนอาโพลิส กล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพื่อควบคุมการขยายตัวของค่าจ้าง และขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานมากนักที่บ่งชี้ว่าการที่เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมานั้นได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดแรงงาน ด้วยเหตุนี้เฟดจึงจำเป็นต้องทำให้ตลาดแรงงานเข้าสู่ภาวะสมดุล