การเมืองเปลี่ยนทิศ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฟื้นตัว

14 ธ.ค. 2565 | 01:00 น.

นักวิชาการชี้ “เลือกตั้ง-อำนาจวุฒิฯ” ชนวนร้อนการเมือง 2566 แต่ไม่กระทบภาพรวมเศรษฐกิจ เพราะยังมีเสถียรภาพ 4 ด้าน ทิศทางนโยบายเหมือนกันต่างเพียงเทคนิค “เศรษฐา” หนุนท่องเที่ยวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่จะให้เดินหน้าต้องเปลี่ยนผู้นำ

นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐกิจ-การเมือง เปิดเผย“ฐานเศรษฐกิจ” ว่าปัญหาการเมืองที่อาจจะเกิดขึ้นในปี 2566 คือ การเลือกนายกรัฐมนตรีหลังเลือกตั้ง ยังจำเป็นต้องอาศัยมือของสมาชิกวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญ ฝ่ายค้านที่อาจได้เสียงเกิน 250 เสียงในสภาผู้แทนราษฎร แต่ขาดเสียงสมาชิกวุติสภา ก็ไม่สามารถที่จะตั้งรัฐบาล หรือฝ่ายรัฐบาลรวมเสียงบวกกับสมาชิกวุฒิสภาตั้งรัฐบาลได้ แต่เป็นรัฐบาลที่ไม่มีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ทำให้การบริหารการเมืองยุ่งยาก เพราะอาจถูกฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือควํ่ากฎหมายสำคัญ เช่น พ.ร.บ.งบประมาณ

 

อย่างไรก็ตาม จะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เพราะการเมืองไทยยังมีเสถียรภาพ 4 ด้าน คือ 1. เสถียรภาพในแง่ระบบ ยังเป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข 2. การเมืองไทยยังคงใช้ระบบรัฐสภา 3. อาจจะขาดเสถียรภาพของรัฐบาล อาจเปลี่ยนรัฐบาลบ่อย แต่ไม่เปลี่ยนนโยบายเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ 4. การเมืองไทยไม่ถึงกับมีฝ่ายซ้าย-ฝ่ายขวา การเสนอนโยบายก็ใกล้เคียงกัน การฟื้นเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งการท่องเที่ยว จึงไม่กระทบหลักการของนโยบาย เพียงแต่กลไกหรือเทคนิคจะเป็นการต่อสู้ในประเด็นย่อย

การเมืองเปลี่ยนทิศ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฟื้นตัว

“ย้อนดูที่ผ่านมาแม้กระทั่งเกิดวิกฤติทางการเมืองก็ไม่กระทบด้านนโยบาย การประท้วงก็มีเกิดขึ้นทุกประเทศ นักลงทุนที่เข้ามาจะพิจารณาจากเรื่องนโยบายของประเทศเป็นหลัก”
 ส่วนการใช้เงินที่จะสะพัดช่วงเลือกตั้งนั้น ยอมรับว่ามีบ้าง สำหรับการใช้จ่ายช่วงเลือกตั้งระยะสั้นๆ เหมือนเทศกาลสงกรานต์ ทำให้คึกคักขึ้นแต่ไม่มีผลต่อเศรษฐกิจ โดยที่ผ่านยังขยายตัวได้ที่ระดับ 3%

 

ด้านนายเชาว์ เก่งชน ประธานกรรมการบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวชัดเจนจากแรงหนุนภาคการท่องเที่ยว ที่ในปี 2565 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา 10 ล้านคน และจะเพิ่มเป็น 20 ล้านคนในปี 2566 ทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้เกิน 3 % โดยมีการท่องเที่ยวเป็นตัวหลัก แม้การส่งออกยังไม่แน่นอนจากแนวโน้มเจอผลกระทบเศรษฐกิจโลกขาลง

อาจมีความหวังระยะสั้น สำหรับการเลือกตั้งภายในประเทศ ที่จะเกิดขึ้นไตรมาส 2 หรือเดือนพฤษภาคม 2566 จะทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่ระยะสั้น ส่วนไทม์ไลน์การจัดตั้งรัฐบาลภายหลังเลือกตั้งยังไม่ชัด จึงต้องรอกระบวนการเลือกตั้งให้เรียบร้อย จึงสามารถจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

สอดคล้องกับนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นเนล ผู้ประกาศจุดยืนหนุนพรรคเพื่อไทย ที่เห็นว่า การท่องเที่ยวถือเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากมีสัดส่วนใน GDP สูงถึง 20% และแนวโน้มการท่องเที่ยวยังดี คนเริ่มคุ้นชินใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิดได้แล้ว ต้องดูว่าจีนจะเปิดประเทศหรือไม่
 

 

เพื่อบริหารความเสี่ยง ภาครัฐควรไปโปรโมทตลาดอื่นๆ ระหว่างที่จีนยังไม่เปิดให้คนเดินทางออกต่างประเทศ เช่น ตลาดอินเดีย ซาอุดีอาระเบีย หรือประเทศอื่นๆ รวมทั้งหากลยุทธขยายวันพักเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวให้เพิ่มขึ้น เป็นการเพิ่มรายได้โดยไม่เป็นภาระลงทุนหรือใช้ทรัพยากรมาก กระตุ้นให้เกิดการกระจายตัวของการท่องเที่ยวจากเมืองหลัก ไปยังเมืองรองต่างๆ ขยายความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพิ่มความสะดวกลดอุปสรรค เช่น วีซ่า ไม่ใช่ต้องมารอทำ 3 ชั่วโมงที่สนามบิน หรือเปิดให้คนจีนเข้าไทยโดยไม่ต้องขอวีซ่า จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวได้มาก ส่วนเรื่องคนจีนมาทำธุรกิจสีเทา มีหน่วยงานควบคุมอยู่แล้ว

 

ทั้งนี้ นายเศรษฐา กล่าวว่า ปี 2566 ไทยได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกและปัจจัยภายนอกหลายด้าน ถ้าจะทำให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้า ต้องเปลี่ยนผู้นำ ถ้าไม่เปลี่ยนก็ไปไม่ได้ ดังนั้น การเลือกตั้งในครั้งต่อไปจึงถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย

 

ด้านผศ.ทวี สุรฤทธิกุล อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าใช้กติกาใหม่ ทั้งการหย่อนบัตร 2 ใบ และสูตรคำนวณสัดส่วนส.ส.แบบ หาร 100 ทำให้พรรคขนาดเล็กอยู่ยาก ต้องรวมตัวกันหรือไปรวมพรรคใหญ่ แต่ทั้งนี้ก็ต้องมี “ราคา” หรือ“คุณค่า”ในตัวเองด้วย เช่น มีส.ส.เขตที่มีฐานคะแนนเสียงในพื้นที่เป็นกลุ่มก้อน เป็นพรรคชื่อเสียงดีที่จะช่วยเพิ่มคะแนนให้กับบัญชีรายชื่อพรรค
 การเลือกตั้งรอบนี้ต้องมีคะแนนเฉลี่ย 370,000 คะแนน จึงจะได้ส.ส. 1 คน ต่างจากปี 2562 ที่พรรคเล็กส่งผู้สมัครกระจายในทุกเขต ได้คะแนนจากแต่ละหน่วย 300-500 เสียง รวมๆ กันได้ 20,000-30,000 เสียง ก็ได้ส.ส. 1 คน จึงเกิดมีพรรคเล็กหรือพรรคจิ๋วจำนวนมาก

 

“วันนี้หากเลือกตั้งใช้บัตร 2 ใบ พรรคเพื่อไทยได้เปรียบ นำพลังประชารัฐอยู่นิดหน่อย โดยจะได้ส.ส.มาเยอะที่สุด จากที่มีอดีตส.ส.เขตที่มีฐานคะแนนเสียงอยู่เยอะ แต่จากเขตไม่มากไปกว่าปี 2562 และได้เพิ่มอีกนิดหน่อยจากบัญชีรายชื่อที่ดีขึ้น แต่จะสามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ ต้องตามดูกันต่อไป”

 

ขณะที่ นายสมประวิน มันประเสริฐ รองผู้จัดการใหญ่ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงาน Economic intelligence Center หรือ EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยจากการท่องเที่ยวและบริการนั้น เป็นภาคที่ใช้แรงงานเข้มข้น ขณะที่ตลาดแรงงานยังฟื้นไม่ดีเท่ากับก่อนโควิด-19 เศรษฐกิจไทยปี 2566 จึงมีความท้าทาย “3ไม่” คือ 1. ไม่สอดคล้องกัน วัฏจักรเศรษฐกิจที่สหรัฐฯ-ยุโรป เริ่มชะลอตัว ส่วนจีนเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัว 2 .ไม่เท่าเทียม การท่องเที่ยว-บริการขยายตัว แต่กิจกรรมภาคส่งออกชะลอตามเศรษฐกิจคู่ค้า และ 3 .ไม่แน่นอนสูง จากเศรษฐกิจโลกและความไม่แน่นอนการเมืองในประเทศ-ต่างประเทศ

 

 “แม้ว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัว และมีโอกาสขยายตัวได้ 3.4 % ตามสศช.ประเมินไว้ ที่ระดับ 3.5% มาจากการขับเคลื่อนของภาคการท่องเที่ยวและบริการเป็นหลัก แต่ก็มีความเสี่ยงจากปัจจัยลบรออยู่ข้างหน้า”

 

หน้า 1 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่  3,844 วันที่ 15-17 ธันวาคม พ.ศ.2565