5 แนวทาง ปรับวิธีคิด เปลี่ยนตัวเองให้ทันโลกการทำงานยุคใหม่

03 ธ.ค. 2565 | 07:00 น.

"บียอนด์ เทรนนิ่ง" แนะ 5 เคล็ดลับปรับวิธีคิด เปลี่ยนตัวเอง สนองตอบให้ทันโลกการทำงานยุคใหม่ เปิดสมองสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิต

ภก.คงเกียรติ ฉัตรหิรัญทรัพย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บียอนด์ เทรนนิ่ง จำกัด เปิดเผยว่า ความสามารถของบุคลากรในองค์กร จึงเป็นตัวแปรสำคัญต่อความอยู่รอดของธุรกิจ การพัฒนาคนให้ทันการเปลี่ยนแปลงของโลกแบบ On Demand Learning จะสามารถสร้างความเหนือชั้น ได้เปรียบการแข่งขันยุคดิจิทัล ที่องค์กรต่างๆ จะมองข้ามไม่ได้เป็นอันขาด

ภก.คงเกียรติ ฉัตรหิรัญทรัพย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บียอนด์ เทรนนิ่ง จำกัด
ด้วยความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว Beyond Training แนะนำเทคนิคในการพัฒนาคนให้ทันการเปลี่ยนแปลง เพื่อการเติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยการปรับวิธีคิด สู่ผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อให้ก้าวทันความเปลี่ยนแปลงธุรกิจโดยพัฒนาหลักสูตร Changing For Growth ที่มีความสำคัญกับพนักงานในแต่ละองค์กรเป็นอย่างมาก เพราะความรู้เดิม ทักษะเดิม ประสบการณ์เดิมๆ อาจไม่เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจในยุคปัจจุบัน และพนักงาน คือหัวใจหลักในการนำนวัตกรรมและแนวคิดใหม่เข้ามาสู่องค์กร อันเป็นปัจจัยสำคัญต่อความอยู่รอดของธุรกิจมากกว่าปัจจัยประกอบการขององค์กรภาคธุรกิจในเวลานี้ 

สำหรับ เทคนิคการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อการเติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วย 5 แนวทางในการปรับวิธีคิด สู่การเรียนรู้ตลอดชีวิตที่ก้าวทันกับความเปลี่ยนแปลงธุรกิจยุคใหม่ โดยต้องคำนึงถึงหลัก 5 ประการ ที่ประกอบด้วย

 

1. AWARNESS TO CHANGE 


การสร้างการตระหนักรู้ เปิดหู เปิดตา เปิดใจ สังเกตุสัญญาณการ เปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้นซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อองค์กรและการดำเนินชีวิตอย่างไม่ชะล่าใจ ไม่ประมาท โดยพนักงานขององค์กรต้องศึกษา แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของทั้งเศรฐกิจระดับโลก เช่น ความขัดแย้งระหว่างประเทศ เป็นต้น และการเปลี่ยนแปลงในประเทศไทย เพื่อเฝ้าระวังผลกระทบต่อธุรกิจของเรา รวมถึงการตระหนักรู้และเข้าใจในความเร็วและไม่แน่นอนของโลก VUCA World ที่มีความผันผวน ซับซ้อน ไม่แน่นอน และคาดเดาได้ยาก ดังคำกล่าวของ Andrew Grove ที่ว่า Only paranoid Survive คือ ถ้าอยากรอดในธุรกิจยุคนี้ ต้องมีความระแวงเข้าไว้

2. HEAD MIND SET 


การคิดแบบ Growth Mindset เชื่อว่าทุกอย่างเป็นเรื่องของพรแสวง เรียนรู้ได้ ฝึกฝนได้ และการคิดแบบพนักงานบริษัทที่มีหัวใจของผู้ประกอบการ (Corporate entrepreneurship mindset) นิยามของ Growth Mindset จาก Dr. Carol dweck ทำให้เกิดการเปลี่ยนความคิดที่ว่าทุกอย่างเกิดจากพรสวรรค์ มาสู่ความคิดที่ว่าทุกอย่างสามารถเรียนรู้และฝึกฝนได้ ด้วย 5 เทคนิคการทลายกรอบความเชื่อเดิม ประกอบไปด้วย 

  • การหาหลักฐาน คือ การหาคนที่สำเร็จ แล้วมาสะท้อนผลลัพธ์ที่เราต้องการ 
  • การอ่านคำประกาศ คือการตอกย้ำด้วยคำพูดเชิงบวก ถึงตัวตนคนใหม่ที่เราต้องการ 
  • การย้ายโฟกัส คือ เมื่อมีความคิดเชิงลบ ให้สลับไปโฟกัสสิ่งที่เราต้องการด้วยประโยค “แล้วจริง ๆ ฉันต้องการให้สถานการณ์นี้มันเป็นอย่างไร ”
  • That’s Good เมื่อควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ ให้หาข้อดีจากสิ่งนั้นแทน เพื่อปรับทัศนคติ มองว่าทุกอย่างเป็นการเรียนรู้
  • การขอบคุณในสิ่งที่เรามี มองโลกในแง่บวก ทลายขีดจำกัดจากความคิดลบ

นอกจากนี้พนักงานยุคใหม่ยังต้องมี แนวความคิดแบบเจ้าของธุรกิจ คือการตั้งเป้าหมายทำงานเกินเงินเดือน  รวมทั้งบริหารทรัพยากรในองค์กรให้ใช้น้อยแต่เกิดผลลัพธ์มาก 

 

3. HEART INSPIRATION TO CHANGE 


การค้นหาแรงบันดาลใจ ในการเปลี่ยนแปลงตนเองและรักษาการตัดสินใจจนกว่าจะเกิดผลลัพธ์บรรลุตามเป้าหมายที่ต้องการ อย่างไม่ท้อถอยต่ออุปสรรคต่างๆ ไม่ล้มเลิกก่อนบรรลุเป้าหมาย เช่น การทำความเข้าใจว่า ทำไม (WHY) สำคัญกว่า อย่างไร(HOW) รวมถึงการเข้าใจแรงบันดาลใจภายใน (Intrinsic Motivation) ที่มีพลังมากกว่า แรงบันดาลใจภายนอก (Extrinsic Motivation) เพื่อสร้างให้พนักงานมีไฟในการทำงานอยู่ทุกวัน 

 

4. HAND EXELLENCE IN EXECUTION 


การกล้าคิด กล้าเสี่ยง เอาชนะความกลัว โดยการก้าวข้าม Comfort Zone ฝึกฝนนิสัยที่ชอบ ลงมือทำทันที ทำอย่างรวดเร็ว โดยการปลูกฝังความคิดแบบ Agile Mindset เช่น การทำ Prototype ซึ่งสามารถส่งมอบคุณค่าได้ตั้งแต่ Version 1 ไม่ต้องรอให้สมบูรณ์แบบก็ใช้งานและสร้างคุณค่าได้ รวมถึงประยุกต์การทำงานรูปแบบใหม่ Work Habit แบบใหม่ เครื่องมือการทำงานใหม่ๆ เพื่อสร้างให้เกิด Productivity ที่ดีกว่าเดิมพร้อมก้าวสู่ Agile Organization 


 5. LIFE LONG LEARNING 


การตัดสินใจเรียนรู้ตลอดชีวิต ละทิ้งความรู้เดิม พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ (Unlearn & Relearn) พร้อม Upskill & Reskill ทักษะสำหรับโลกอนาคต ทำให้การเรียนรู้ ผสานอยู่ในชีวิตประจำวัน โดยคนทำงานต้องตระหนักรู้ เห็นความสำคัญของการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง พร้อมเข้าใจ Learning Style ที่แตกต่างแต่ละบุคคล และรับรู้ถึงทักษะสำคัญในโลกการทำงานยุคใหม่ (Future Skill)

 

รวมถึงการเปิดใจพัฒนาตนเองสู่การเป็น  คนที่มีทักษหลายๆด้าน โดยปรับตนเองจาก I Shape เป็น T Shape Model ที่รู้ทั้งภาพกว้างและลงลึกในเรื่องที่ตนเองถนัด และเข้าใจถึงหลักการพัฒนาตนเองตามหลัก 70 20 10 ที่ไม่ได้จบแค่การเรียนรู้ในห้องฝึกอบรม แต่ต้องนำความรู้ไปประยุกต์ในการทำงานจริง ด้วยการมีโค้ชหรือพี่เลี้ยง ที่คิดเป็น 20 % จากนั้นก็สามารถที่จะนำความรู้ไปประยุกต์ในการทำโครงการที่เป็นการเรียนในระดับ 70% พร้อมทั้งรับรู้ถึงแหล่งข้อมูลความรู้ยุคใหม่ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก จึงจะทำให้เกิดการเรียนรู้ผสานอยู่ในชีวิตประจำได้อย่างมีประสิทธิภาพ 


ทั้งนี้ การบริหารจัดการและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ จึงมีสำคัญอย่างมากต่อองค์กรต่างๆที่ต้องการความสำเร็จอย่างยั่งยืน "คุณภาพของคน" ในองค์กรได้เปลี่ยนไปเป็นการบริหารทรัพยากรมนุษย์เชิงกลยุทธ์เชิงรุก เพิ่มประสิทธิภาพให้แก่พนักงาน ทำให้พนักงานอยากที่จะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอเพื่อที่จะได้เติบโตไปพร้อมๆกับองค์กร เพื่อสร้างความได้เปรียบการแข่งขันยุคดิจิทัลให้กับองค์กรอย่างยั่งยืน