“กขค.”ถกผู้เชี่ยวชาญกฎหมายและนโยบายแข่งขัน"เอเปค"รับมือสถานการณ์โลก

09 พ.ย. 2565 | 06:34 น.

“สำนักงาน กขค.”จัดประชุมผู้เชี่ยวชาญกฎหมายและนโยบายแข่งขันเอเปค ในหัวข้อกฎหมายแข่งขันและการพัฒนาอย่างยั่งยืน เสนอ 3 แผนงานสนับสนุนการฟื้นฟูหลังวิกฤตโควิด กำกับดูแลและส่งเสริมการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรมในตลาดดิจิทัล และ สนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน

วันนี้(9 พ.ย.65) ที่โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ (รางน้ำ) นายกฤษฎา เปี่ยมพงศ์สานต์ อดีตรองประธานกรรมการการแข่งขันทางการค้า ซึ่งยังคงดำรงตำแหน่งประธานในการประชุมของกลุ่มในปี 2565-2566 ในฐานะประธานการประชุม กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (สำนักงาน กขค.) ในฐานะหน่วยงานเจ้าภาพจัดการประชุมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญกฎหมายและนโยบายแข่งขันเอเปค หรือ APEC Competition Policy and Law Group (CPLG) ประจำปี 2565 เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนแนวคิดและประสบการณ์ระหว่างหน่วยงานการกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้าทั่วเอเปคจาก 21 เขตเศรษฐกิจสมาชิก 

                                 “กขค.”ถกผู้เชี่ยวชาญกฎหมายและนโยบายแข่งขัน"เอเปค"รับมือสถานการณ์โลก
และจัดงานสัมมนาในหัวข้อ “กฎหมายแข่งขันและการพัฒนาอย่างยั่งยืน” โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมบทบาทของหน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้าในการเสริมสร้างและฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังจากสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 และผลักดันเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อบรรเทาสถานการณ์ภาวะโลกร้อน ยกระดับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วทั้งภูมิภาคอย่างทั่วถึง 

ในโอกาสนี้ ได้เสนอวาระและแผนประจำปีของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญกฎหมายและนโยบายแข่งขันเอเปค ใน 3 ประเด็นหลักแก่กลุ่มฯ ได้แก่ 1.การสนับสนุนการฟื้นฟูหลังวิกฤตโควิด-19  2.การกำกับดูแลและส่งเสริมการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรมในตลาดดิจิทัล และ 3.การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน  

                              “กขค.”ถกผู้เชี่ยวชาญกฎหมายและนโยบายแข่งขัน"เอเปค"รับมือสถานการณ์โลก

ศาสตราจารย์ ดร. สกนธ์ วรัญญูวัฒนา ประธานกรรมการการแข่งขันทางการค้า กล่าวว่า การประชุมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญกฎหมายและนโยบายแข่งขันเอเปค หรือ APEC Competition Policy and Law Group (CPLG) ประจำปี 2565 ในหัวข้อ“กฎหมายแข่งขันและการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมสัมมนาจะประกอบไปด้วยนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้แทนจากหน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันสมาชิกเอเปค รวมถึงหน่วยงานหลัก ซึ่งขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจและการคุ้มครองธรรมชาติ 

อาทิ กรมการค้าภายใน กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน และสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 


การเข้าร่วมงานสัมมนาในครั้งนี้เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนแนวคิด ประสบการณ์ และข้อเสนอแนะการบังคับใช้และพัฒนากฎหมายการแข่งขันทางการค้าเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน และการเติบโตในเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว เอเปค (APEC) หรือ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย - แปซิฟิก เป็นการรวมตัวระหว่าง 21 เขตเศรษฐกิจในภูมิภาคฯ เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านการสนับสนุนการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ 

                       “กขค.”ถกผู้เชี่ยวชาญกฎหมายและนโยบายแข่งขัน"เอเปค"รับมือสถานการณ์โลก
โดยมูลค่าการค้าการลงทุนกับสมาชิกเอเปค นับเป็นมูลค่ากว่า 70% ของมูลค่าการค้าการลงทุนของไทย กลุ่ม CPLG นั้น เป็น working group หนึ่งของเอเปคฯ และเป็นเวทีสำหรับการแลกเปลี่ยนแนวคิด นโยบาย และแนวทางปฏิบัติอันเป็นเลิศ ในการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ผ่านการสนับสนุนและอำนวยความสะดวกการค้าการลงทุนที่เสรีและเป็นธรรม และความร่วมมือทางเทคนิคระหว่างประเทศสมาชิก 


และในปี 2565 ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมเอเปค ชูหัวข้อ “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” อันเป็นการส่งเสริมการฟื้นฟูเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงหลังวิกฤตการณ์โควิด-19 และจำนำเสนอโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ - เศรษฐกิจหมุนเวียน - เศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG Model 

                                 “กขค.”ถกผู้เชี่ยวชาญกฎหมายและนโยบายแข่งขัน"เอเปค"รับมือสถานการณ์โลก

ทั้งนี้ เพื่อการพัฒนาภูมิภาคไปสู่การเจริญเติบโตอย่างครอบคลุม ยกระดับความเชื่อมโยงระหว่างเขตเศรษฐกิจสมาชิก พร้อมทั้งขับเคลื่อนภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิกเข้าสู่โลกยุคหลังสถานการณ์โควิด-19 ที่ยั่งยืนและสมดุลผ่านแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG Economy Model  


รวมถึงส่งเสริมและสร้างเครือข่ายระหว่างสำนักงาน กขค. และหน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้าอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายการแข่งขันทางการค้าทั่วโลก เพื่อส่งเสริมบทบาท ของไทยในฐานะผู้นำด้านการกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้าในภูมิภาค 

                            “กขค.”ถกผู้เชี่ยวชาญกฎหมายและนโยบายแข่งขัน"เอเปค"รับมือสถานการณ์โลก
ด้าน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากกล่าวปากฐาพิเศษในหัวข้อ “เป้าหมายกรุงเทพด้านเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว - มิติความเชื่อมโยงระหว่างกฎหมายแข่งขันและการพัฒนาอย่างยั่งยืน”  ว่า เรายึดเรื่องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวเป็นเรื่องสำคัญ ถือเป็นตรีมการประชุมผู้นำเอเปคที่จัดในประเทศไทยครั้งนี้ 


“ผมได้รับเชิญจากสำนักงาน กขค. มาร่วมปฐกถา ซึ่งได้พูดถึงเรื่องการที่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลแข่งขันทางการค้าทั้งโลก โดยเน้นที่สมาชิกเอเปค จะต้องให้ความสนใจในการขับเคลื่อนเรื่องสภาวะโลกร้อน ดังนั้น BCG โมเดล จะเป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนให้กับทุกภาคส่วน”


นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า หน่วยงานที่ควบคุมกำกับการแข่งขัน ควรใช้กลไกในการช่วยผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่เรื่อง BCG โมเดล เน้นทั้งเรื่องการกำกับดูแล การใส่แรงจูงใจ การช่วยกันพลิกฟื้น เพราะสภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องหญ่ทั่วโลกในอนาคตไทย

                              “กขค.”ถกผู้เชี่ยวชาญกฎหมายและนโยบายแข่งขัน"เอเปค"รับมือสถานการณ์โลก

และกลไกของสำนักงาน กขค. นั้น นอกเหนือจากการกำกับในรูปแบบเดิม การให้ความสำคัญกับความยั่งยืนของโลก คือ มิติใหม่ที่ควรใช้ในการผลักดันเชิงนโยบายและการกำกับดูแลต่อไป โลกเปลี่ยนแปลงเร็ว รวมถึงเรื่องสภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องใหญ่ กฎหมายต้องปรับตัวให้ทัน ต้องเติมเรื่องของสภาวะโลกร้อนเข้าไปในตัวกฎหมายด้วย 


“สำหรับพรรคสร้างอนาคตไทย เราให้ความสำคัญเชิงนโยบายกับเรื่องสิ่งแวดล้อม เพราะสภาวะโลกร้อนไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ในประเทศไทย แต่ส่งผลทั้งโลก และในฐานะพรรคการเมืองต้องมีส่วนรับผิดชอบในการรักษาสิ่งแวดล้อมเรื่องนี้อยู่แล้ว” นายสนธิรัตน์ กล่าว