สบู่สมุนไพรแข่งดุพี่บิ๊กร่วมชิงเค้ก แบรนด์‘วิภาดา’ปรับกลยุทธ์สู้ศึก

15 ก.ย. 2559 | 01:30 น.
วีเอส09ออริจินอลเฮิร์บ ชี้แนวโน้มตลาดสบู่สมุนไพรแข่งกันหนัก หลังรายใหญ่ชิงความได้เปรียบช่องทางจัดจำหน่าย ร่วมชิงเค้กมูลค่ากว่าหมื่นล้าน แบรนด์"วิภาดา"ปรับแผนสู้ทุกช่องทางทั้งโฆษณาจัดโปรโมชัน แจกสินค้าทดลอง เล็งสยายปีกต่างประเทศป้องกันความเสี่ยง ล่าสุดจ่อคลอดผลิตภัณฑ์ใหม่รุกตลาดโค้งท้าย

[caption id="attachment_97649" align="aligncenter" width="335"] สิญจ์พธู หาญวรากิตติ์  กรรมการฝ่ายพัฒนาการตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์บริษัท วีเอส09 ออริจินอลเฮิร์บ จำกัด สิญจ์พธู หาญวรากิตติ์
กรรมการฝ่ายพัฒนาการตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์บริษัท วีเอส09 ออริจินอลเฮิร์บ จำกัด[/caption]

นางสิญจ์พธู หาญวรากิตติ์ กรรมการฝ่ายพัฒนาการตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์บริษัท วีเอส09 ออริจินอลเฮิร์บ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสบู่ผสมสมุนไพรแบรนด์ "วิภาดา" เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ภาพรวมการแข่งขันในตลาดสบู่ที่ผ่านมามีการแข่งขันอย่างรุนแรงมากขึ้น จากการที่มีผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจค้าปลีกเริ่มเข้ามาผลิตสินค้าประเภทสบู่สมุนไพรหลายราย เนื่องจากเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค เพราะเป็นช่วงที่ผู้บริโภคหันมาสนใจและดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น จึงทำให้มีสบู่สมุนไพรแบรนด์ต่างๆ เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้ภาพรวมการแข่งขันของสบู่มีมูลค่าสูงขึ้นถึงนับหมื่นล้านบาท แม้ว่าจะทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น แต่ผู้ประกอบการรายย่อยได้รับผลกระทบจากการแข่งขัน จากปัจจัยที่ผู้ประกอบการรายใหญ่มีเงินทุนที่มากกว่า จึงมีความได้เปรียบในการทำการตลาด การเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งมีข้อได้เปรียบด้านช่องทางการจำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ

โดยในส่วนของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากมีกลุ่มลูกค้าที่มีความจงรักภักดีต่อแบรนด์สูง (แบรนด์รอยัลตี) ประกอบกับบริษัทมีช่องทางจำหน่ายที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะช่องทางยี่ปั๊วซาปั๊วตามหัวเมืองใหญ่ ซึ่งมีสัดส่วนการขายคิดเป็น 70% มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงในปีที่ผ่านมาได้ขยายสินค้าเข้าช่องทางจำหน่ายร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น ทำให้สินค้ากระจายเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น อีกทั้งบริษัทได้มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าเพื่อสร้างแบรนด์ผ่านสื่อต่างๆ ทำให้สินค้าเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง

อย่างไรก็ตามบริษัทก็ต้องปรับตัวเพื่อรองรับการแข่งขันของตลาด โดยจะใช้กลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์ให้ผู้บริโภคเป็นที่รู้จักมากขึ้น ทั้งการโฆษณาประชาสัมพันธ์ การจัดโปรโมชัน การแจกสินค้าทดลองตามกลุ่มนักเรียนและนักศึกษาตามมหาวิทยาลัยต่างๆ การจัดกิจกรรมเพื่อสังคม รวมทั้งมีแผนการสร้างแบรนด์ผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น โดยจะใช้งบประมาณ 10 ล้านบาทในการทำกิจกรรมการตลาด

นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะรองรับการเติบโตและขยายตลาดโออีเอ็มเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีลูกค้ากลุ่มนี้ประมาณ 10 ราย โดยได้ใช้งบประมาณกว่า 40 ล้านบาท สำหรับการขยายโรงงานเพื่อผลิตสบู่และกลุ่มเครื่องสำอาง รวมทั้งการนำเข้าเครื่องจักรเพื่อต้องการเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มจากเดิมประมาณ10% นอกจากนี้แล้วในอนาคตมีแผนที่จะขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ที่ผ่านมาได้มีสินค้าเข้าไปวางจำหน่ายบ้างแล้ว โดยผ่านตัวแทนจำหน่ายรายย่อยไม่ว่าจะเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา มาเลเซีย และกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี ซึ่งประกอบด้วยกัมพูชา ลาว พม่าและเวียดนาม คาดว่าภายใน 3-5 ปีตลาดต่างประเทศจะมีสัดส่วนการขายคิดเป็น 5% จากยอดขายรวม

"ในเร็วๆ นี้บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มความหลากหลายของสินค้าให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น โดยจะเปิดตัวสินค้าใหม่ คือ สบู่มะละกอ รวมทั้งมีการปรับสูตรและปรับแพ็กเกจจิ้งสินค้าให้มีความทันสมัยและตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น โดยสินค้าที่วางจำหน่ายในขณะนี้ทั้งหมดมี 6 สูตร คือ สูตรนมข้าว วิตามินซีแอนด์อี, กลูต้า วิตามินอี,น้ำผึ้ง ทองคำ, มังคุด น้ำผึ้ง และมะเฟือง น้ำผึ้ง ทั้งนี้จากแผนการรุกตลาดบริษัทตั้งเป้าการเติบโตราว 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา" นางสิญจ์พธูกล่าว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,192 วันที่ 15 - 17 กันยายน พ.ศ. 2559