ย้ำภาพลักษณ์แบรนด์วอลโว่ เน้นปลอดภัยไม่มีคนตาย/เจ็บสาหัสในรถรุ่นใหม่อีกต่อไป

02 ก.ย. 2559 | 11:00 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

ชื่อชั้นของแบรนด์ วอลโว่ ในต่างประเทศ ถือเป็นแบรนด์หรู แบรนด์พรีเมียม ที่ได้รับการยอมรับกันมาอย่างยาวนาน ส่วนในประเทศไทยนั้น แบรนด์วอลโว่ ก็เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นในเซ็กเมนต์พรีเมียม โดยได้เข้ามาบุกยึดพื้นที่มานานกว่า 40 ปี และภายใต้ผู้บริหารหญิงแกร่งอย่าง “คุณแอเน็ต แอนเดอร์สัน” กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่อยู่ในองค์กรวอลโว่มานานกว่า 28 ปี ทำให้มีความรู้ความเข้าใจทั้งในตัวแบรนด์รวมไปถึงการขาย การผลิต ของธุรกิจยานยนต์เป็นอย่างดี วันนี้ “ฐานเศรษฐกิจ”ได้มีบทสัมภาษณ์ของผู้บริหารหญิงแกร่งที่จะบอกเล่าถึงแผนงาน ทิศทางตลาด รวมไปถึงเป้าหมายของวอลโว่ในประเทศไทยว่าจะเป็นอย่างไร

ภาพรวมตลาดรถหรู

สำหรับภาพรวมตลาดรถหรู หรือรถพรีเมียมในไทยช่วง 6 เดือนแรกของปี 2559 มีอัตราลดลงประมาณ 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัว และคาดว่าจนถึงสิ้นปีตลาดรถในกลุ่มนี้ก็ยังทรงตัว หรือ อาจจะลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนที่มียอดขายอยู่ที่ 2.3 หมื่นคัน

เป้าหมายการขาย

สืบเนื่องจากหลากหลายปัจจัยที่เข้ามากระทบกับภาพรวมตลาดรถยนต์ ทำให้บริษัทต้องปรับลดเป้าหมายลงหลังจากผ่านไป 6 เดือน จากต้นปีที่ผ่านมาได้ตั้งเป้าเติบโตไว้ที่ 30% จากปีก่อนที่มียอดขาย 1 พันคัน ก็จะมีการปรับลดลงอยู่ในระดับเทียบเท่าหรือเติบโตขึ้นราว 5% ในปีนี้ โดย 6 เดือนแรกบริษัทมียอดขายอยู่ที่ 386 คัน เติบโตขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นว่าได้ดำเนินกลยุทธ์มาถูกทางแล้วจากการเติบโตที่สวนทางกับตลาดที่ยังชะลอตัวอยู่

กลยุทธ์ทางการตลาด

นโยบายการบุกตลาดในแง่ผลิตภัณฑ์ เริ่มตั้งแต่ The all new volvo XC90 ที่มีจุดเด่นคือการออกแบบรถยนต์ในอนาคต ผนวกกับเทคโนโลยีทันสมัย ปลั๊ก-อิน ไฮบริด รวมถึงเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ออกแบบด้วยแพลตฟอร์มใหม่ที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ วอลโว่ นั่นคือ SCALABLE PRODUCT ARCHITECTURE (SPA) และรถรุ่นต่อไปก็จะอยู่ภายใต้แพลตฟอร์มนี้ ส่วนในไตรมาส 3 และ 4 จะแนะนำสินค้าใหม่ออกมาอีกหลายรุ่น แต่ไม่ใช่รถรุ่นใหม่ เป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้า เช่น เปลี่ยนเครื่องยนต์ หรือไมเนอร์เชนจ์

นอกจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ บริษัท ยังมีแผนรุกตลาดอย่างต่อเนื่องครอบคลุมทุกสื่อที่หลากหลายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้คนไทยได้ใกล้ชิดกับแบรนด์ในทุกมิติ เพราะมองว่ารถยนต์ คือ ปัจจัยที่ 5 และ วอลโว่ มีรถที่ไม่ใช่เป็นเพียงรถหรู ที่มีความปลอดภัยสูงเท่านั้น แต่รถยนต์ทุกรุ่นของวอลโว่ ยังเป็นรถที่มีความสะดวกสบายจากเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องสูงสุด โดยยึดหลักการออกแบบที่ให้มนุษย์เป็นศูนย์กลาง รวมถึงดีไซน์ที่เชื่อมั่นว่าจะสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

มีการนำเสนอแคมเปญที่มีไอเดียใหม่ๆ นอกจากนั้นแล้วจะมีการจัดกิจกรรมให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย โดยรูปแบบจะเป็นการจัดโรดโชว์ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดในหัวเมืองใหญ่ การจัดทดสอบเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสรถอย่างใกล้ชิด และยังมีแคมเปญส่งเสริมการขาย ทั้งก่อนและหลังการขาย รวมถึงการจัดโปรโมชันในรูปแบบต่างๆ เช่น ลดราคาอะไหล่ ฟรีเมื่อนำรถเข้าใช้บริการช่วงเทศกาล เป็นต้น

ขณะเดียวกันมีแผนยกระดับตัวแทนจำหน่ายผ่านการปรับโฉมโชว์รูม ที่เน้นสะท้อนเอกลักษณ์ของความเป็นสแกนดิเนเวียออกมาอย่างชัดเจน โดยนำร่องที่โชว์รูมแรก พระราม 3 และมีแผนที่จะดำเนินการปรับโชว์รูมใหม่อย่างน้อยในปีนี้อีก 3 แห่ง เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้น แต่การขยายโชว์รูมเพิ่มในขณะนี้ ถือว่ายังไม่เป็นเรื่องเร่งด่วน ส่วนแผนการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคนั้น วอลโว่มีการฝึกอบรมพนักงานในทุกส่วนงาน ไม่ว่าจะเป็นส่วนหน้า ทางการขาย หรือแม้แต่ช่าง เพราะสินค้าใหม่ที่แนะนำจะมีเทคโนโลยีใหม่ เช่น ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ที่พนักงานฝ่ายช่างต้องได้รับการฝึกอบรมเรื่องของการบำรุงรักษา เพื่อเข้าใจในสินค้าให้มากยิ่งขึ้น

วางเป้าหมายในอนาคตของวอลโว่ไว้อย่างไร

บริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำแผนดำเนินงานระยะยาว 5 ปี (2560-2564) เพื่อกำหนดทิศทางการทำตลาดในประเทศไทย ซึ่งจะมีการปรับโครงสร้างองค์กร รวมถึงผู้แทนจำหน่าย (ดีลเลอร์) โดยอยู่ระหว่างการหาพันธมิตรทางธุรกิจที่สนใจร่วมลงทุนกับบริษัท ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ ปัจจุบันมีผู้ลงทุนเป็นตัวแทนจำหน่ายจำนวน 7 ดีลเลอร์ 11 โชว์รูม ส่วนใหญ่กระจายอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล คิดเป็นสัดส่วนกว่า 80% และ 20% กระจายอยู่ต่างจังหวัด ซึ่งแผนงานหลังจากนี้บริษัทมีแผนจะขยายตลาดสู่พื้นที่ต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ยังโฟกัสการสร้างแบรนด์และการทำการตลาดให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ขณะเดียวกัน บริษัทมีการปรับรูปแบบการเปิดตัวรถยนต์ในประเทศไทย เพื่อให้รวดเร็วขึ้นหลังจากการเปิดตัวในต่างประเทศ ซึ่งเบื้องต้นการทำตลาดในประเทศไทยจะใช้วิธีการนำเข้าจากสวีเดนโดยตรง หลังจากนั้นจึงดำเนินการผลิตในประเทศมาเลเซีย (ซีเคดี) ซึ่งจะได้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี

โดยวอลโว่มองว่าภาพรวมของรถพรีเมียมเป็นตลาดที่ใหญ่มากในต่างประเทศ แต่ในไทยยังมีไม่มากนัก เพราะมีผู้เล่นไม่กี่แบรนด์ และแต่ละแบรนด์มีความแข็งแรงอย่างมาก ซึ่งวอลโว่ต้องการสร้างภาพลักษณ์โดยใช้จุดแข็ง เรื่องความปลอดภัยเข้าไปเจาะตลาด เพราะปัจจุบันทุกคนจะเห็นว่า วอลโว่ เป็นรถปลอดภัยที่สุดในโลก และยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยรถทุกคันที่พัฒนาจะถูกเพิ่มเรื่องของความปลอดภัยเข้าไปในรถ ซึ่งวิสัยทัศน์ของ วอลโว่ ปี 2563 รถทุกรุ่นที่ผลิตจาก วอลโว่จะเพิ่มความปลอดภัยที่ไม่ใช่แค่เฉพาะคนขับเท่านั้น แต่จะปกป้องทุกคนภายในรถ ซึ่งคล้องจองกับคอนเซ็ปต์ ต่อไปนี้จะไม่มีคนเสียชีวิต และบาดเจ็บสาหัสในรถวอลโว่รุ่นใหม่ๆ อีกต่อไป

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,188 วันที่ 1 - 3 กันยายน พ.ศ. 2559