โดมินหมี่ บุกตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชนิดแห้ง มูลค่า 1,600 ล้าน สู้คู่แข่งแบรนด์นำเข้าจากต่างประเทศ วางแผน 5 ปีขอแชร์ส่วนแบ่งตลาด 10% เตรียมใช้การตลาด 4P ครบ เล็งออกสินค้าใหม่ปีละ 2 รายการ พร้อมเปิดตัวชนิดถ้วยปีหน้า หวั่งกระตุ้นการบริโภคซ้ำแม้ตลาดรวมจะเติบโตเพียง 1-3% ชี้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไม่กระทบเศรษฐกิจทรุด
[caption id="attachment_86186" align="aligncenter" width="335"]
ไวยวิทย์ ลีนานุไชย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท โดมิเนียน เคมเมท จำกัด[/caption]
นายไวยวิทย์ ลีนานุไชย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท โดมิเนียน เคมเมท จำกัด ผู้นำเข้าและทำตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชนิดแห้ง แบรนด์โดมินหมี่ (Domin Mie) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงแผนการดำเนินธุรกิจในระยะ 5 ปีนับจากนี้ว่า ได้วางเป้าหมายการสร้างยอดขายของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชนิดแห้งไว้ 1,400-1,500 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ10% ของตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งปัจจุบันตลาดมีมูลค่ารวมกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท มีอัตราการเติบโตเพียง 1-3%
โดยแผนการทำตลาดในระยะ 5 ปี บริษัทจะใช้หลักการตลาดครบทั้ง 4P ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ ช่องทางการจัดจำหน่าย กลยุทธ์ราคา และรายการส่งเสริมการขาย ในแต่ละปีจะใช้งบประมาณการตลาดคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของยอดขาย ซึ่งการเติบโตนอกจะมาจากการเพิ่มอัตราการบริโภคของคนในปัจจุบันให้มากขึ้น และยังถือเป็นทางเลือกใหม่สำหรับการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีผู้ที่ทำตลาดและเป็นผู้นำตลาดกลุ่มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชนิดแห่งอย่างจริงจัง
ทั้งนี้ บริษัทได้พัฒนาสินค้าและสูตรขึ้นมาเอง พร้อมกับพัฒนาแบรนด์เป็นของตนเอง แต่ได้ว่าจ้างโรงงานผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากประเทศอินโดนีเซียมาผู้ผลิต และได้นำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ซึ่งในระยะ 15 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ทำธุรกิจนำเข้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากต่างประเทศเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย และแบรนด์ดังกล่าวบริษัทเจ้าของแบรนด์ได้เข้ามาทำตลาดเอง นอกจากนี้ บริษัทยังจัดจำหน่ายวัตถุดิบอาหารให้กับผู้ประกอบการโรงงานผลิตอาหารชั้นนำภายในประเทศด้วย
"โรงงานที่ประเทศอินโดนีเซียถือว่าเป็นผู้นำตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปติดอันดับ 1 ใน 3 ของอินโดนีเซียที่ผลิตสินค้าให้ การที่บริษัททำตลาดกลุ่มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชนิดแห้ง เนื่องจากมองว่ามีช่องว่างทางการตลาด เพราะยังไม่มีผู้เล่นจริงจัง และยังมีความต้องการในสินค้ากลุ่มนี้อยู่ แม้ว่ามูลค่าตลาดปัจจุบันจะมีประมาณ 8-9% หรือมูลค่าประมาณ1,600 ล้านบาท แต่ตลาดก็มีโอกาสเติบโตได้ เพราะแม้ว่าจะมีแบรนด์ต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลี ญี่ปุ่น จีน และบังคลาเทศ รวมกว่า 10 แบรนด์ แต่มีราคาสูงซองละกว่า 30 บาท และไม่มีใครทำตลาดจริงจังส่วนมากจะเน้นโปรโมชัน จึงถือเป็นโอกาสที่บริษัทจะเข้ามาทำเพื่อสร้างยอดขาย"
สำหรับแผนระยะ 5 ปีที่บริษัทวางไว้ จะมีการออกสินค้ารสชาติใหม่ทุกปีอย่างน้อยปีละ 2 รายการ รวมถึงการออกสินค้าชนิดถ้วยมาทำตลาดด้วย ซึ่งคาดว่าจะเริ่มในปีหน้า ขณะเดียวกันยังวางแผนขยายการทำตลาดออกไปในต่างประเทศด้วย โดยจะขยายตลาดไปในกลุ่มอาเซียนและยุโรป อาทิ จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม ส่วนแนวทางการทำตลาดจะมุ่งเน้นการทำให้ผู้บริโภคได้ทดลองชิม เนื่องจากสินค้าพัฒนาให้มีเส้นบะหมี่ที่ใกล้เคียงกับบะหมี่ที่จำหน่ายทั่วไป รวมถึงการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ และสื่อบีโลว์เดอะไลน์ต่างๆ ด้วย
นายไวยวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กลุ่มเป้าหมายหลักของแบรนด์โดมินหมี่ คือ พนักงานทั่วไป และกลุ่มคนในตลาดระดับกลาง ขณะที่คู่แข่งทางการตลาดมองว่าเป็นกลุ่มสินค้านำเข้าจากต่างประเทศเป็นหลัก โดยปัจจุบันมีสินค้าจำหน่ายอยู่ 2 รสชาติ ได้แก่ รสเกี๊ยวกรอบ และรสไก่เผ็ดมะนาว ซึ่งมองว่าปัจจุบันบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นสินค้าที่จำเป็นของผู้บริโภคชนิดหนึ่ง ที่ส่วนใหญ่จะมีติดบ้านไว้ โดยไม่ได้มองว่าเป็นสินค้าที่ซื้อบริโภคในยามเศรษฐกิจชะลอตัว
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,184 วันที่ 18 - 20 สิงหาคม พ.ศ. 2559