นิรันดร์ จาวลา เทคโนโลยีช่วยลดต้นทุน

13 ส.ค. 2559 | 05:00 น.
จากจุดเริ่มต้นโมเดล"บัดเจ็ต โฮเต็ล" หรือโรงแรมราคาประหยัด แบรนด์ไทย "บีทู" กับโรงแรมแห่งแรกเมื่อปี 2551 ใน จ.เชียงใหม่ ผ่านมาร่วม 8 ปี บีทู มีโรงแรมเปิดให้บริการแล้วรวม 28 แห่ง และ กำลังจะเพิ่มเป็น 33 แห่งภายในสิ้นปีนี้ และปีหน้ารวมเป็นกว่า 40 แห่ง ครอบคลุมทั่วทุกภาคของไทยมากขึ้น วันนี้ "บีทู" ไม่เพียงจะเป็นเจ้าตลาดในธุรกิจโรงแรมต้นทุนต่ำของไทยเท่านั้น แต่ก้าวต่อไป ยังมองโอกาสไปปักธงสู่ต่างประเทศเต็มตัว การต่อยอดธุรกิจใหม่ รวมถึงกรุยทาง นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลัก ภายในปี 2562 เพื่อหวังระดมทุนเพื่อใช้ขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็วขึ้นกว่าเดิม

สูตรความสำเร็จที่เกิดขึ้น "นิรันดร์ จาวลา" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทโกลเบิ้ล พร๊อพเพอร์ตี้ คอนเซ้าติ้ง แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (จีพีซีเอ็ม กรุ๊ป) และกรรมการผู้จัดการใหญ่เครือโรงแรมบีทู ต่อจิ๊กซอว์ให้ฟังว่าแรกเริ่มธุรกิจหลักของตระกูลจาวลา ทำรับเหมาก่อสร้าง ต่อมาก็ขยายมาชิมรางในธุรกิจโรงแรม ซึ่งเมื่อพบว่าไปได้ดี จากนั้นจึงได้วางโครงสร้างการทำงาน คือเรื่องการก่อสร้างโรงแรมจะดำเนินการโดยบริษัทรับเหมาก่อสร้าง แต่การบริหารจัดการโรงแรมต้นทุนต่ำแบรนด์บีทู จะอยู่ภายใต้จีพีซีเอ็ม กรุ๊ป ซึ่งคุณนิรันดร์ ได้เข้ามาดูแลและวางระบบเต็มตัวมาตั้งแต่ต้น

โดยเจ้าตัว เปิดใจว่า พอเข้ามาทำ ยิ่งทำยิ่งถูกทาง ก็ยิ่งสนุก หัวใจของการสร้างแบรนด์บีทู คือ การมีระบบแบ็ก ออฟฟิศ ที่ดี มีทีมบริหารแข็งแรง และที่สำคัญคือความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนต่ำ สอดรับกับรูปแบบการดำเนินธุรกิจโรงแรมราคาประหยัด ซึ่งประสิทธิภาพในการทำต้นทุนให้ต่ำได้นั้น ไม่เพียงแต่เกิดจากการทำงานที่ครบวงจร คือ มีบริษัทก่อสร้างเอง ทำให้ควบคุมต้นทุนการก่อสร้างได้ ขณะที่ จีพีซีเอ็ม กรุ๊ป ทำหน้าที่บริหารจัดการโรงแรม และการมีโรงแรมในมือหลายแห่ง ก็ทำให้การสั่งซื้อสินค้าทำได้ในราคาถูก และกุญแจดอกสำคัญ คือการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการช่วยลดต้นทุน

ด้วยความที่คุณนิรันดร์ เป็นคนไอทีขนานแท้ จบการศึกษาในสาขาวิศวะคอมพิวเตอร์ และขณะนี้แม้กำลังอยู่ระหว่างทำดอกเตอร์ ที่เอแบค เขาก็เรียนในสาขาการจัดการวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ โดยทำ Thesis ในหัวข้อ "เทคโนโลยีเพื่อการโรงแรม" จากความเชี่ยวชาญด้านไอที จึงเป็นแต้มต่อทำให้เขาวางโมเดลการนำเทคโนโลยีมาใช้ทั้งในเรื่องของการช่วยลดต้นทุน และการวางช่องทางการทำตลาดออนไลน์ได้สมบูรณ์แบบตอบโจทย์โลกยุคโซเชียล

ซีอีโอหนุ่มวัย 40 ปีคนนี้ กล่าวว่าที่ผ่านมา บีทู มีการลงทุนวางระบบไอที โดยเฉพาะเรื่องของซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงฐานลูกค้ามาใช้งานให้รวดเร็วขึ้น

ขณะเดียวกันเว็บไซต์ของบีทู ก็ยังเป็นช่องทางการทำตลาดผ่านกิมมิกการทำโปรโมชันที่เรียกเสียงฮือฮาอยู่เป็นระยะ รวมถึงการมีช่องทางชำระเงินได้สะดวก โดยชูไฮไลต์ในเรื่องของ "บัตรอี-มันนี่" หรือบัตรสมาชิก " I am B2" ที่บีทูได้ไลเซนส์ทำให้สามารถพัฒนาบัตรสมาชิกให้มีรูปแบบเป็นบัตรเดบิต สมาชิกสามารถฝากเงินหรือเติมเงินไว้ในบัตร ที่ไม่เพียงสมาชิกจะนำไปจ่ายเป็นค่าห้องพักได้ ทางบีทูยังสมทบเงินเพิ่มเติมให้ เช่น ถ้าฝากเงินเกิน 1 พันบาท ก็จะให้ดอกเบี้ย 10% ซึ่งสมาชิกจะได้รับเงินรวมเป็น 1,100 บาท เพื่อไปใช้จ่ายบริการในโรงแรมต่างๆเพิ่มได้อีก ทั้งยังมีเรื่องของการสะสม แลกห้องพัก ซึ่งมีลูกเล่นมากมายในการกระตุ้นตลาด ซึ่งเพิ่งเปิดระบบมาได้ 1 ปี ปัจจุบันมีสมาชิกมากถึง 5 หมื่นคนไปแล้ว

" ผมมองว่าการชูเรื่องของเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงาน จะทำให้เราสามารถลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจได้มาก ซึ่งก็สะท้อนมาจากความสามารถในการทำราคาขายห้องพักที่มีราคาถูก โดยโรงแรมในเครือแบรนด์บีทู จะเริ่มต้นราว 500 บาท และแบรนด์บีทู พรีเมียร์ ราคาเริ่มต้นราว 1 พันบาท ซึ่งสอดรับกับธุรกิจโรงแรมราคาประหยัด และขณะเดียวกันผมยังสามารถทำให้โรงแรมต่างๆในเครือทั้งที่เป็นการลงทุน

ของกลุ่มบีทูเอง และโรงแรมที่เรารับบริหาร เมื่อหักค่าใช้จ่ายต่างๆแล้ว ต้องเหลือกำไรจากการดำเนินธุรกิจ
อยู่เสมอ"

ซีอีโอจีพีซีเอ็ม กรุ๊ป ย้ำว่า จริงอยู่ที่โรงแรมส่วนใหญ่ของบีทู ตระกูลจาวลา เป็นเจ้าของ แต่จาก โพรไฟล์ ในการทำธุรกิจที่ตอบโจทย์และเข้าถึงความต้องการของลูกค้าในกลุ่มเซ็กเมนต์นี้ บีทูจึงได้รับการตอบรับจากตลาดที่ดี ทำให้ทิศทางจากนี้จึงเป็นโอกาสในการต่อยอดสู่ธุรกิจรับบริหารโรงแรมต้นทุนต่ำ ทั้งในไทยและต่างประเทศอย่างเต็มตัวขึ้น ในลักษณะของการขายแฟรนไชส์ควบคู่ไปกับการรับบริหารโรงแรม หลังจากเริ่มไปแล้วแห่งแรกที่โรงแรมบีทู หมอนทอง ประเทศลาว และมีการวางตัวคนเข้ามารับผิดชอบเรื่องของการขยายแฟรนไชส์และรับบริหาร เพื่อรุกการปักธงบีทูในต่างประเทศอย่างเต็มตัว ภายใต้เป้าหมายในการทำงานของเขา ที่วางไว้ในสเต็ปต่อไป ต้องก้าวจากบริษัทระดับในประเทศ สู่การเป็นบริษัทระดับรีจินัล ภายใน 3 ปี

ทั้งนี้เขามองว่าธุรกิจนี้ยังไปได้ดี เพราะแม้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวคนก็ยังคงเดินทางท่องเที่ยวอยู่ แต่จะใช้เงินคุ้มค่าขึ้น และการเดินทางเที่ยวต่างประเทศของคนจีนที่ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ดังนั้นจะเห็นว่าธุรกิจท่องเที่ยวที่มีการดำเนินธุรกิจในแบบโลว์คอสต์ จะเติบโตทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสายการบินต้นทุนตํ่าหรือโลว์คอสต์ แอร์ไลน์ หรือ โรงแรมต้นทุนตํ่า หรือบัดเจ็ต โฮเต็ล ประกอบกับพฤติกรรมในการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวก็เปลี่ยนไป เพราะคนมาเที่ยวก็อยากใช้เวลากับแหล่งท่องเที่ยวต่างๆมากกว่า การใช้เวลาอยู่ในโรงแรมไม่มาก ดังนั้นนักท่องเที่ยวต้องการที่พักที่ประหยัด แต่ขณะเดียวกันต้องมีความปลอดภัย อยู่ในโลเกชันที่เดินทางไปเที่ยวได้ง่าย และมีบริการที่เพียงพอต่อความต้องการที่แท้จริง

ส่วนการแข่งขันในธุรกิจนี้ เขามองว่า “การมีผู้เล่นในตลาดมากขึ้น จะไม่กระทบต่อบีทู และน่าจะวินวินทั้งคู่ จากความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะตลาดนี้ยังมีช่องว่างอีกมากจากดีมานด์ความต้องการของนักท่องเที่ยว อีกทั้งด้วยความที่บีทูอยู่ในตลาดมานาน มีความเข้าใจในตลาดนี้เป็นอย่างดี ทั้งจุดเด่นของโรงแรมแบรนด์บีทู จะเห็นว่าเราใส่ใจเรื่องของดีไซน์ ดังนั้นโรงแรมแต่ละแห่งของเราจะมีรูปแบบที่ไม่เหมือนกันสักแห่ง ไม่ใช่พักโรงแรมเหมือนกันหมด แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ

จากการเติบโตของธุรกิจ นี่เองจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม เขาถึงมองการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อมองการขยายสาขาในอนาคต

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,182 วันที่ 11 - 13 สิงหาคม พ.ศ. 2559