กรมโรงงานฯ เผยความคืบหน้าโปรเจคอีโค่ทาว์นนำร่อง 15 จังหวัด

08 ส.ค. 2559 | 06:58 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ส.ค. 2559 | 14:07 น.
นายมงคล พฤกษ์วัฒนา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เผยความคืบหน้าโครงการนำร่องเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town)  ใน 15 จังหวัด อาทิ จังหวัดระยอง สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ปทุมธานี ชลบุรี นครปฐม พระนครศรีอยุธยา สระบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น ราชบุรี สงขลา และสุราษฏร์ธานีว่า ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนในการส่งเสริมให้โรงงานเข้าร่วมโครงการ Green Industry, CSR DIW และ Eco Factory  เพื่อยกระดับการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย  การประหยัดพลังงาน  ทำให้กระบวนการผลิตเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีการใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างคุ้มค่า โดยคำนึงถึงคนรุ่นต่อไป ทั้งนี้ คาดว่าเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ 15 จังหวัด ในระยะแรกจะเสร็จสิ้นภายในปี 2564 อย่างไรก็ตามกิจกรรมดังกล่าวสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนประเทศทางด้านเศรษฐกิจเพื่อส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมให้มีการเจริญเติบโตและมีความสมดุลกับการพัฒนาทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมโดยรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเมืออุตสาหกรรมเชิงนิเวศ และในปัจจุบันได้ทำแผนปฏิบัติการเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ใน 15 จังหวัด ได้แก่ ระยอง สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ปทุมธานี ชลบุรี นครปฐม  พระนครศรีอยุธยา สระบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น ราชบุรี สงขลา และสุราษฏร์ธานี สำเร็จแล้ว

โครงการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town) เป็นการบูรณาการงบประมาณระหว่างหน่วยงานราชการต่างๆ เพื่อใช้งบประมาณให้สอดคล้องกับมิติยุทธศาสตร์ของรัฐบาลที่กำหนดเป้าหมายในพื้นที่ที่กำหนด เพื่อให้เห็นผลและมีประสิทธิภาพจากการใช้งบประมาณ ซึ่งจะต่างจากเดิมที่หน่วยงานราชการต่างหน่วยงานต่างใช้งบประมาณของตัวเอง จึงทำให้งบประมาณถูกใช้กระจัดกระจาย ไม่มีประสิทธิภาพและเห็นผลในเชิงพื้นที่  งบประมาณที่ผ่านจากการจัดทำแผนปฏิบัติการโดยให้ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่  ได้แก่ หน่วยงานราชการส่วนท้องถิ่น  ภาคชุมชน  ภาคอุตสาหกรรม และตัวแทนภาคการศึกษา เข้ามาดำเนินการเขียนแผนปฏิบัติการบูรณการงบประมาณให้ครอบคลุมทั้ง 5 มิติ คือ มิติโครงสร้างพื้นฐาน เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สังคม และการบริหารจัดการ เช่น การทำความสะอาดเมือง การขุดลอกคูคลอง การปลูกป่าเพิ่มพื้นที่สีเขียว การพัฒนาฝึกฝีมือให้กับชุมชน เพื่อสนับสนุนให้มีการจ้างงานของคนในพื้นที่ การพัฒนาอาชีพชุมชนให้มีความเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรม การแก้ไขปัญหาเรื่องการเข้าถึงด้านสาธารณสุขอันเนื่องมาจากการเพิ่มของประชากรแฝงจากภาคอุตสาหกรรม การจัดตั้งศูนย์ Eco Center และการส่งเสริมให้เกิดธุรกิจบำบัด/กำจัด/รีไซเคิล เป็นต้น

กรมโรงงานอุตสาหกรรมยังได้ส่งเสริมให้โรงงานในพื้นที่เป้าหมายได้รับการรับรองมาตรฐาน Green Industry ,CSR DIW และ Eco Factory (ตามมาตรฐาน ISO2600) โดยมีการตรวจประเมินโดยผู้ชำนาญการที่ผ่านการรับรองระบบตามมาตรฐาน เพื่อยกระดับให้เป็นโรงงานผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีความปลอดภัย มีการใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างคุ้มค่ามีการนำของเสียกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ ลดการฝังกลบ  ซึ่งมีโรงงานที่รับได้มาตรฐาน Green Industry ไปแล้วกว่า 25,410 โรงงาน จาก 65,000 โรงงาน มาตรฐาน CSR DIW 836 โรงงาน และ มาตรฐาน Eco Factory 73 โรงงาน ทั้งนี้ การจัดการทำแผนปฏิบัติ โดยแต่ละจังหวัดจะมีโครงการนำร่องในปี 2559 เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดจากผลกระทบจากภาคอุตสาหกรรม ซึ่งแผนปฏิบัติการอยู่ในระหว่างการดำเนินการและปรับปรุงให้เข้ากับพื้นที่เป้าหมายต่างๆ และเห็นผลเป็นรูปธรรมได้ประมาณ ปี2561-2564 ดันมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม 5.3 ล้านล้านบาท