ส่องความสำเร็จ “คนละครึ่งพลัส” ช่วยคนไทยลดค่าครองชีพ ดันกำลังซื้อปลายปีคึกคัก

28 ธ.ค. 2568 | 04:37 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ธ.ค. 2568 | 06:12 น.

ส่องผลสำเร็จ “คนละครึ่งพลัส” ดันกำลังซื้อฐานรากคึกคักและยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ผู้ประกอบการอยากให้สานต่อโครงการ พร้อมแนะเร่งสร้างภาพลักษณ์ Trust Thailand มัดใจนักท่องเที่ยวจีนและตะวันตก

KEY

POINTS

  • โครงการ “คนละครึ่งพลัส” ช่วยลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชนได้ถึงครึ่งหนึ่ง ทำให้สามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น
  • ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อช่วงปลายปี ทำให้บรรยากาศการค้าขายกลับมาคึกคัก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการและร้านค้ารายย่อย
  • มีความกังวลว่ากำลังซื้ออาจชะลอตัวลงเมื่อวงเงินในโครงการเริ่มหมด และอนาคตของโครงการในเฟสถัดไปยังไม่แน่นอนหลังการยุบสภา

จากสภาวะเศรษฐกิจในช่วงปลายปีที่ภาคธุรกิจและประชาชนกำลังเผชิญ ความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจกลายเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนกำลังซื้อ โดยเฉพาะโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ที่ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลามจากทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการรายย่อย

นางสาวฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า “คนละครึ่งพลัส” ตัวช่วยลดค่าครองชีพ-เติมความสุขประชาชน จากการลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นของกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าและประชาชน พบว่าโครงการนี้ช่วยให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน

โดยสามารถลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันลงได้กึ่งหนึ่ง, เช่น การใช้จ่ายจริงเพียง 200 บาท แต่ได้มูลค่าการกินอยู่ถึง 400 บาท ช่วยให้ประชาชนสามารถบริหารจัดการเงินในกระเป๋าได้ดีขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจยังมีความเปราะบาง

ทางด้านแม่ค้าในตลาดระบุว่า ในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โครงการนี้ทำให้บรรยากาศการค้าขายกลับมาคึกคัก ประชาชนตัดสินใจซื้อของได้ง่ายขึ้นและมีความสุขกับการจับจ่ายมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม เริ่มมีสัญญาณว่ากำลังซื้ออาจชะลอตัวลงในช่วงกลางเดือนธันวาคมเนื่องจากวงเงินเริ่มหมดลง อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการยุบสภาเกิดขึ้น ทำให้เกิดความไม่แน่นอนว่าโครงการเฟสถัดไปที่จะเริ่มในเดือนมกราคมจะสามารถดำเนินการต่อได้หรือไม่

ส่องความสำเร็จ “คนละครึ่งพลัส” ช่วยคนไทยลดค่าครองชีพ ดันกำลังซื้อปลายปีคึกคัก

นอกจากนี้ ยังมีการตั้งข้อสังเกตว่าโครงการดังกล่าวอาจถูกนำมาใช้เป็น “ตัวประกันทางการเมือง” เพื่อบีบให้ประชาชนเลือกพรรคการเมืองต้นสังกัดโครงการกลับมาบริหารอีกครั้งเพื่อให้โครงการดำเนินต่อได้ ซึ่งถือเป็นการนำความเดือดร้อนของประชาชนมาเป็นเกมการเมืองในมุมมองของผู้ประกอบการ

 

 

ในกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารขนาดกลางยังคงรอคอยความชัดเจนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีที่เคยมีเป็นประจำ เช่น โครงการ “ช้อปดีมีคืน” หรือมาตรการลดหย่อนภาษีจากการซื้อสินค้าและบริการ ซึ่งมาตรการเหล่านี้จะช่วยจูงใจให้กลุ่มผู้มีกำลังซื้อออกมาใช้จ่ายมากขึ้นในช่วงเทศกาล และเป็นการกระตุ้นเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจภาพรวมได้อีกทางหนึ่ง

เร่งสร้างความเชื่อมั่น “Trust Thailand” รับนักท่องเที่ยวจีน ในมิติของการท่องเที่ยว ปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (High Season) ซึ่งเริ่มมีนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศตะวันตกเดินทางเข้ามาหนีหนาวเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม สำหรับตลาดสำคัญอย่างนักท่องเที่ยวชาวจีน ความเชื่อมั่นด้าน “ความปลอดภัย” ยังคงเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจ

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการในกลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร และบริการขนส่ง ต่างตระหนักถึงความสำคัญในการสร้างภาพลักษณ์ความมั่นใจ โดยมีการผลักดันเครื่องหมาย "Trust Thailand" เพื่อยืนยันว่าภาคธุรกิจไทยพร้อมดูแลนักท่องเที่ยวอย่างดีที่สุด ซึ่งความมั่นใจในความปลอดภัยนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนที่มองไทยเป็นประเทศพี่น้อง ให้กลับมาเดินทางท่องเที่ยวในไทยอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง