KEY
POINTS
เฟดเดอรัล เอ็กซ์เพรส คอร์ปอเรชั่น (Federal Express Corporation) เปิดผลสำรวจแนวโน้มพฤติกรรมจับจ่ายช่วงเทศกาลปลายปี โดยสำรวจผู้บริโภคและผู้ประกอบการ SMEs ในเอเชียแปซิฟิก (APAC) และยุโรป เพื่อประเมินแรงซื้อและข้อกังวลของผู้เล่นในระบบอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในฤดูกาลช้อปปิ้งปลายปี
การสำรวจจัดทำในเดือนกันยายน 2568 จากกลุ่มตัวอย่างผู้บริโภคและ SMEs รวมกว่า 2,000 ราย พบว่า
คาดว่ายอดขายช่วงเทศกาลปลายปีจะเติบโตจากปีก่อน ทำให้หลายกิจการเริ่มเร่งเตรียมสต๊อกและระบบขายล่วงหน้าตั้งแต่ไตรมาส 3 เพื่อรองรับดีมานด์จากต่างประเทศ โดยเฉพาะคำสั่งซื้อจากยุโรปสู่เอเชีย
นายศศธร ภาสภิญโญ กรรมการผู้จัดการ เฟดเอ็กซ์ ประเทศไทย กล่าวว่า SMEs ให้ความสำคัญกับการค้าข้ามพรมแดนมากขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่การซื้อขายออนไลน์เติบโตสูง และต้องการบริการที่ลดความเสี่ยงจากต้นทุนและความไม่แน่นอนในห่วงโซ่อุปทาน
ผลสำรวจสะท้อนว่าอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนยังเป็นกลไกหลักของการจับจ่ายปลายปี
เทศกาลช้อปปิ้งที่มีส่วนลดจำนวนมาก เช่น 11.11, Black Friday, Cyber Monday ยังคงมีอิทธิพลสูงต่อพฤติกรรมผู้บริโภค โดย 83% ของผู้บริโภคในเอเชีย ระบุว่ากิจกรรมเหล่านี้ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของตน
ฝั่งผู้ประกอบการเองก็ให้ความสำคัญเช่นกัน โดย 91% ของธุรกิจในเอเชียแปซิฟิก และ 83% ในยุโรป มองว่าช่วงเทศกาลลดล้างสต็อก เป็นจังหวะสำคัญในการตอบรับดีมานด์ของผู้บริโภคปลายปี
ถึงแม้สินค้าในยุโรปยังเป็นที่ต้องการ แต่ผู้บริโภคในเอเชียแปซิฟิกให้ความสำคัญกับปัจจัยต่อไปนี้มากกว่าแหล่งผลิตสินค้า ได้แก่
เกือบ 90% ของผู้บริโภคใน APAC ระบุว่าความมีประสิทธิภาพของการจัดส่งมีผลต่อการสั่งซื้อในช่วงเทศกาล
อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคจำนวนมากยังประสบปัญหาเดิม ได้แก่
ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมจับจ่ายอย่างชัดเจน
ข้อมูลนี้ชี้ว่า “ราคาและความเร็ว” คือปัจจัยที่ผู้บริโภคใช้ในการเปรียบเทียมผู้ขายข้ามพรมแดน มากกว่าชื่อแบรนด์หรือประเทศต้นทางเพียงอย่างเดียว
ธุรกิจในทั้งสองภูมิภาคเดินหน้าปรับตัวเพื่อรองรับดีมานด์ปลายปี โดยผลสำรวจชี้ว่า
ขณะเดียวกัน 85% ของธุรกิจทั้งสองภูมิภาค เชื่อว่าจะสามารถจัดส่งสินค้าได้ทันตามกำหนดในช่วงพีคซีซัน แสดงถึงการลงทุนในระบบโลจิสติกส์และการบริหารจัดการที่เข้มข้นขึ้นกว่าปีก่อน
เพื่อรองรับปริมาณออเดอร์ที่เพิ่มสูงในช่วงปลายปี ผู้ให้บริการโลจิสติกส์พัฒนาเครื่องมือเชื่อมต่อระบบหลังบ้านของผู้ค้าเข้ากับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซโดยตรง เช่น การผสานระบบ FedEx Ship Manager เข้ากับ Shopify หรือ BigCommerce ซึ่งช่วยให้ผู้ขายลดขั้นตอนการกรอกข้อมูลและจัดทำเอกสารได้ในระบบเดียว
ในด้านบริการจัดส่ง ผลสำรวจสะท้อนว่าความเร็วเป็นตัวแปรสำคัญ เฟดเอ็กซ์ระบุว่าบริการ เช่น FedEx International Connect Plus (FICP) สามารถจัดส่งพัสดุภายในเอเชียแปซิฟิก สหรัฐฯ และยุโรปภายใน 1–3 วันทำการ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านเวลาและต้นทุนของผู้ประกอบการ
ขณะเดียวกัน ยังมีการขยายจุดรับสินค้าผ่านตู้ล็อกเกอร์อัจฉริยะมากกว่า 260,000 จุดใน APAC เพื่อลดปัญหาพลาดรับสินค้า และเพิ่มความยืดหยุ่นในจุดรับพัสดุ
ฟังก์ชันอย่างการติดตามสถานะแบบเรียลไทม์ และภาพยืนยันการจัดส่ง (Picture of Proof of Delivery) ยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยลดข้อโต้แย้งและเพิ่มความโปร่งใสของขั้นตอนจัดส่ง ซึ่งกลายเป็น “มาตรฐานใหม่” ในการให้บริการขนส่งพัสดุสำหรับอีคอมเมิร์ซ