KEY
POINTS
โครงการ ไทยพาวิลเลียน (Thailand Pavilion) ในงาน World Expo 2025 เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้การดูแลของ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข กลายเป็นหนึ่งในโครงการภาครัฐที่ถูกจับตามองมากที่สุดปีนี้ ทั้งในมิติของงบประมาณที่สูงถึงเกือบ 900 ล้านบาท ประสิทธิภาพการจัดซื้อจัดจ้าง และความพร้อมของการนำเสนอภาพลักษณ์ประเทศบนเวทีโลก
จุดเริ่มต้น ปี 2564 เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าร่วมงาน World Expo 2025 ที่ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้แนวคิด “Designing Future Society for Our Lives” กระทรวงสาธารณสุขได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลัก รับผิดชอบออกแบบและบริหารพาวิลเลียนไทย ภายใต้ธีม “สุขภาพดี มีความสุข” เพื่อสื่อสาร Soft Power ด้านการแพทย์ สมุนไพร และเวลเนส (Wellness) ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ผลักดันไทยสู่ “Medical Hub of Asia”
โดย กรมสบส. ได้รับงบประมาณรวม 867.877 ล้านบาท เพื่อใช้ดำเนินโครงการตลอด 6 เดือนของการจัดงาน โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนสำคัญ
ระหว่างปี 2566 มีการกำหนดราคากลางถึง สามครั้ง ได้แก่ วันที่ 27 เมษายน, 18 พฤษภาคม และ 17 ตุลาคม ก่อนปรับขึ้นเป็นวงเงินเต็ม 867.877 ล้านบาท ซึ่งในรอบสุดท้ายมีเพียงบริษัทเดียวที่ยื่นข้อเสนอคือ กิจการร่วมค้าอาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ (RMA110) ภายในเวลาเพียง 11 วัน
ต่อมา กรมสบส. เปลี่ยนวิธีการจัดซื้อจัดจ้างจากแบบแข่งขันทั่วไป มาเป็น วิธีเฉพาะเจาะจง และประกาศให้กิจการร่วมค้า RMA110 เป็นผู้ชนะในวงเงินเต็มจำนวน ซึ่งสูงกว่าข้อเสนอเดิมราว 5.8 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในปี 2568 ยังมีการว่าจ้างเพิ่มเติมวงเงิน 12.65 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างพื้นที่ส่วนชั่วคราวเพิ่มเติม โดยยังคงใช้วิธีเฉพาะเจาะจงเช่นเดิม
กระบวนการดังกล่าวนำไปสู่เสียงวิจารณ์ในสังคมและมีการร้องเรียนให้หน่วยงานตรวจสอบ อาทิ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบความถูกต้องของขั้นตอนและความคุ้มค่าของงบประมาณ ซึ่งหน่วยงานต้นเรื่องชี้แจงว่า การดำเนินงานเป็นไปตามระเบียบราชการ ไม่มีเงินทอน และไม่มีทุนต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง
ไทยพาวิลเลียนเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการวันที่ 13 เมษายน 2568 ท่ามกลางความคาดหวังสูงว่าจะสะท้อนอัตลักษณ์ไทยในมิติของ “การแพทย์ สมุนไพร และสุขภาพ” ซึ่งเป็นธีมหลักของพาวิลเลียน อย่างไรก็ตาม หลังเปิดงานไม่นานก็เกิดกระแสวิจารณ์เรื่อง “เนื้อหาภายในไม่ตอบโจทย์” และ “ดีไซน์ยังไม่สะท้อนจุดแข็งของไทย” โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับพาวิลเลียนของประเทศที่ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยและเนื้อหาที่เข้มข้นกว่า
เพื่อตอบรับเสียงสะท้อนดังกล่าว กรมสบส. และบริษัท ไร้ท์แมน จำกัด ผู้รับจ้างดูแลเนื้อหาและกิจกรรมภายในอาคาร ได้ประกาศแผน “ปรับโฉมใหญ่” เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2568
แผนดังกล่าวครอบคลุม 3 ด้านหลัก
การปรับปรุงเริ่มภายใน 2–3 สัปดาห์หลังประกาศ พร้อมเพิ่มเจ้าหน้าที่อธิบายกว่า 100 จุดทั่วอาคาร เพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้เข้าชมให้ดียิ่งขึ้น
ณ วันที่ 5 ตุลาคม 2568 ซึ่งเป็นวันที่ 173 ของการจัดงาน ยอดผู้เข้าชมรวมแตะระดับ 1,981,922 คน แม้ในช่วงต้นจะถูกวิจารณ์หนัก แต่ตัวเลขผู้เข้าชมหลังปรับปรุงถือเป็นสัญญาณบวกว่าการปรับเนื้อหาและประสบการณ์สามารถดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้
ล่าสุดหลังปิดฉากงาน นายแพทย์มณเฑียร คณาสวัสดิ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ภายใต้แนวคิด “สุขภาพดี มีความสุข” ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางบริการทางการแพทย์และเวลเนส (Medical Hub) การเข้าร่วมจัดนิทรรศการ ไทยพาวิลเลียน (Thailand Pavilion) ในงาน World Expo 2025 เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ถือว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย
ตลอดการจัดงานมีผู้เข้าชมอาคารนิทรรศการไทยกว่า 2 ล้านคน โดยเนื้อหาภายในได้ถ่ายทอดเอกลักษณ์ไทยผ่านสถาปัตยกรรมร่วมสมัย การนวดไทยและสมุนไพรไทย โดยนำหมอนวดฝีมือจากประเทศไทยมาร่วมสาธิตภายในงาน ซึ่งได้รับความนิยมสูงจากผู้เข้าชมชาวญี่ปุ่นและต่างชาติ พร้อมนำเสนอการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย อาทิ โขน รำไทย และการละเล่นพื้นบ้าน สร้างความตื่นตาตื่นใจและเผยแพร่ภูมิปัญญาไทยสู่สายตาชาวโลก
ในส่วนของ อาหารไทย มีการจัดแสดงเมนูสุขภาพ อาหารถิ่นกินเป็นยา และอาหารอนาคต พร้อมเปิดจำหน่ายจริงภายในงาน ซึ่งมียอดขาย เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ สะท้อนถึงความนิยมของอาหารไทยในระดับสากล
ขณะเดียวกัน มาสคอตประจำอาคาร “น้องภูมิใจ” ยังได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งใน Mascot ยอดเยี่ยมของงาน Expo 2025 อีกทั้งภายในงานยังมีการจัดกิจกรรม Business Matching เปิดเวทีให้ผู้ประกอบการไทยและต่างประเทศได้เจรจาธุรกิจร่วมกัน ถือเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในด้านสุขภาพ วัฒนธรรม และเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์สู่สายตาชาวโลกอย่างภาคภูมิใจ
เมื่อเทียบกับผลงานครั้งก่อนในงาน World Expo 2020 ดูไบ ซึ่งจัดระหว่าง 1 ตุลาคม 2564 ถึง 31 มีนาคม 2565 ใช้งบประมาณใกล้เคียงกันที่ประมาณ 889 ล้านบาท และมียอดผู้เข้าชมกว่า 2.35 ล้านคน ไทยพาวิลเลียนที่โอซาก้าถือว่ามีแนวโน้มทำผลงานใกล้เคียงกัน แม้จะต้องเจอกระแสวิพากษ์และอุปสรรคในช่วงเริ่มต้นของโครงการก็ตาม
แม้โครงการ ไทยพาวิลเลียน Expo 2025 โอซาก้า จะปิดฉากลงด้วยความสำเร็จด้านภาพลักษณ์ มียอดผู้ชมทะลุ 2 ล้านคน และตอกย้ำศักยภาพของไทยในฐานะศูนย์กลางบริการทางการแพทย์และเวลเนสระดับโลก
แต่เบื้องหลังยังทิ้งคำถามสำคัญถึงความโปร่งใสของกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง วงเงินกว่า 867 ล้านบาท ที่ดำเนินการด้วยวิธีเฉพาะเจาะจงและสืบราคาจากเพียงรายเดียว ขณะเดียวกันยังสะท้อนความท้าทายของระบบราชการไทยในการบริหารโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องใช้ทั้งความรอบคอบ โปร่งใส และความสามารถในการสร้างผลลัพธ์ที่คุ้มค่าต่อประเทศอย่างแท้จริง