“เนสกาแฟ” มุ่งมั่นขับเคลื่อนอุตสาหกรรมกาแฟไทย สู่ความยั่งยืน จากต้นน้ำสู่มือผู้บริโภค

24 ก.ค. 2568 | 02:30 น.

เนสกาแฟ ตอกย้ำวิสัยทัศน์ความยั่งยืนกว่า 40 ปี เคียงข้างเกษตรกรไทย ปฏิรูปการปลูกกาแฟด้วย ‘การเกษตรเชิงฟื้นฟู’ พร้อมเดินหน้าความสำเร็จภายใต้แนวคิด “Triple Win+” สร้างความมั่นคงทางอาหาร ดูแลเกษตรกรให้มีรายได้ที่ยั่งยืน ปกป้องฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม และส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงสู่มือผู้บริโภค

“กาแฟ” เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก และยังเป็นหนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักของเนสท์เล่ ยักษ์ใหญ่ด้านอาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้แบรนด์เรือธงอย่าง “เนสกาแฟ” ในฐานะผู้นำตลาดกาแฟอันดับ 1 ของประเทศไทยโดยเนสท์เล่เป็นเจ้าของและผู้บริหารแบรนด์เนสกาแฟเพียงผู้เดียว ทั้งด้านการผลิต การจัดจำหน่าย และการทำการตลาดแบรนด์เนสกาแฟ

ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปีเนสกาแฟให้ความสำคัญกับการลงทุนอย่างจริงจังในการสนับสนุนและดูแลเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟไทย เพื่อสร้างความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นน้ำของการเพาะปลูกไปจนถึงผลิตภัณฑ์กาแฟคุณภาพดีที่ส่งตรงถึงมือผู้บริโภค

“เนสกาแฟ” มุ่งมั่นขับเคลื่อนอุตสาหกรรมกาแฟไทย สู่ความยั่งยืน จากต้นน้ำสู่มือผู้บริโภค

การดำเนินงานของเนสกาแฟมุ่งเป้าไปที่การยกระดับคุณภาพชีวิตและเพิ่มผลผลิตของเกษตรกรไทย โดยเริ่มต้นตั้งแต่การวิจัยและพัฒนาต้นกล้ากาแฟพันธุ์ดี ณ ศูนย์วิจัยของเนสท์เล่เอง ซึ่งเป็นต้นกล้าที่ปรับปรุงให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย ทนแล้งได้ดี มีระบบรากแข็งแรง ทนทานต่อโรค และให้ผลผลิตสูงสม่ำเสมอ โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เนสท์เล่ได้มอบต้นกล้ากาแฟพันธุ์ดีเหล่านี้ให้แก่เกษตรกรไทยรวมแล้วกว่า 4.7 ล้านต้น

ในขั้นตอนของการเพาะปลูก เนสท์เล่ได้ริเริ่มปฏิรูปการทำเกษตร ด้วยการนำหลัก “การเกษตรเชิงฟื้นฟู” (Regenerative Agriculture) มาประยุกต์ใช้ เพื่อช่วยให้เกษตรกรรับมือกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลให้ผลผลิตกาแฟลดลง โดยการขับเคลื่อนการเกษตรเชิงฟื้นฟูนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้เกษตรกรสามารถรับมือกับภาวะโลกร้อน แต่ยังช่วยเพิ่มปริมาณผลผลิตกาแฟและสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้น ควบคู่ไปกับการจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืนเพื่อประโยชน์ทั้งต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม

เนสท์เล่ได้จัดฝึกอบรมหลักการเกษตรเชิงฟื้นฟู ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟไปแล้วกว่า 2,000 ราย โดยมีวิธีการที่หลากหลาย อาทิ ปลูกกาแฟร่วมกับป่า, การปลูกพืชคลุมดิน, การใช้เทคนิคการเกษตรผสมผสานในแปลง, การส่งเสริมให้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทดแทนปุ๋ยเคมี เป็นต้น

“เนสกาแฟ” มุ่งมั่นขับเคลื่อนอุตสาหกรรมกาแฟไทย สู่ความยั่งยืน จากต้นน้ำสู่มือผู้บริโภค

นอกจากนี้ เนสท์เล่ยังได้ริเริ่มหลักสูตร “โรงเรียนธุรกิจเกษตร” (Farmer Business School) เพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการต้นทุนและกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมองเห็นโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจได้อย่างชัดเจน

ปัจจุบัน เนสท์เล่ได้ขยายพื้นที่การปลูกกาแฟตามหลักการเกษตรเชิงฟื้นฟูไปยังจังหวัดอื่นๆ ในประเทศไทย อาทิ อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ซึ่งมีพื้นที่ปลูกกาแฟโรบัสต้ากว่า 1,000 ไร่ และในจังหวัดเลยอีกประมาณ 800 ไร่ โดยบริษัทยังคงเดินหน้าขยายพื้นที่ปลูกกาแฟภายใต้หลักการเกษตรเชิงฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการขยายพื้นที่เพาะปลูกกาแฟไทย

และที่สำคัญ เนสท์เล่ยังคงเป็นผู้รับซื้อเมล็ดกาแฟดิบจากเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟไทยมาเป็นเวลานานกว่า 40 ปี โดยล่าสุดเมื่อต้นปี 2568 เนสท์เล่ได้เข้ามารับซื้อเมล็ดกาแฟโรบัสต้าจากเกษตรกรไทยเหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมา ในแต่ละปี เนสท์เล่รับซื้อเมล็ดกาแฟโรบัสต้าในปริมาณมากกว่าครึ่งหนึ่งของผลผลิตทั้งหมดที่ปลูกได้ในประเทศไทย

“เนสกาแฟ” มุ่งมั่นขับเคลื่อนอุตสาหกรรมกาแฟไทย สู่ความยั่งยืน จากต้นน้ำสู่มือผู้บริโภค

ความมุ่งมั่นนี้เป็นการรับซื้อโดยตรงจากเกษตรกรไทยในราคาที่เป็นธรรม อ้างอิงตามราคาตลาดโลก ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับเกษตรกรว่าผลผลิตเมล็ดกาแฟจะมีตลาดรับซื้อที่ไว้วางใจได้ และช่วยให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

ความสำเร็จจากการทำงานอย่างใกล้ชิดกับเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟมาอย่างยาวนาน ทำให้เนสกาแฟสามารถจัดหาวัตถุดิบได้อย่าง มีความรับผิดชอบ 100% ซึ่งหมายถึงเมล็ดกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าและโรบัสต้าทั้งหมดที่เนสกาแฟใช้ในประเทศไทย ได้รับการรับรองมาตรฐานการจัดหาเมล็ดกาแฟอย่างมีความรับผิดชอบ นอกจากนี้ ยังมีการใช้วัตถุดิบเมล็ดกาแฟสด 20% ที่มาจากการเพาะปลูกด้วยการเกษตรเชิงฟื้นฟูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยมาตรฐานการจัดหาเมล็ดกาแฟอย่างมีความรับผิดชอบนี้ ได้รับการรับรองด้วยมาตรฐาน 4C (Common Code for the Coffee Community) ในระดับสากล ซึ่งครอบคลุมการเพาะปลูกกาแฟอย่างยั่งยืนในหลายมิติ ได้แก่ การปกป้องดินและทรัพยากรน้ำ การไม่ตัดไม้ทำลายป่า การปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ การไม่ใช้สารเคมีต้องห้าม และการจัดการของเสียอย่างถูกต้อง

“เนสกาแฟ” มุ่งมั่นขับเคลื่อนอุตสาหกรรมกาแฟไทย สู่ความยั่งยืน จากต้นน้ำสู่มือผู้บริโภค

รวมถึงมิติด้านสังคมและเศรษฐกิจ เช่น การใช้แรงงานอย่างถูกต้องเป็นธรรม การมีกลไกการตรวจสอบย้อนกลับ การพัฒนาทักษะของเกษตรกร และการเพิ่มผลผลิตและรายได้ในระยะยาว โดยเนสท์เล่ได้ช่วยให้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟในไทยมากกว่า 2,500 ราย และสหกรณ์ผู้ปลูกกาแฟ 5 แห่ง ผ่านมาตรฐาน 4C นี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในส่วนของกระบวนการผลิต เนสท์เล่ใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับสูง และยึดมั่นในมาตรฐานสากล เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์เนสกาแฟคุณภาพสูงในหลากหลายรูปแบบ มอบประสบการณ์การดื่มด่ำกาแฟสุดพิเศษผ่านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการลงทุนและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อผู้บริโภคชาวไทย

ความสำเร็จจากการดำเนินการของเนสกาแฟที่ผ่านมา สามารถสรุปได้ด้วยคอนเซ็ปต์ “Triple Win+” คือ การสร้างความมั่นคงทางอาหารด้วยการมีผลผลิตที่ดีทั้งคุณภาพและปริมาณ ดูแลเกษตรกรให้มีรายได้ที่ยั่งยืน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และยังช่วยปกป้องฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติให้ดีขึ้นกว่าเดิม

และสุดท้ายผู้บริโภคก็จะได้รับผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงจากวัตถุดิบคุณภาพ ภายใต้แบรนด์เนสกาแฟจากเนสท์เล่  นับเป็นการสร้างความยั่งยืนให้แก่อุตสาหกรรมกาแฟในประเทศไทย ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงผู้บริโภคปลายทาง ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเนสท์เล่ในการเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศอย่างต่อเนื่อง