แบกรับไม่ไหว “ร้านอาหาร” แห่ปรับราคาขึ้น เนื้อหมู ไก่ ไข่ น้ำมันพืช ถีบต้นทุนทะยาน

08 พ.ค. 2568 | 22:09 น.

ต้นทุนวัตถุดิบพุ่ง! ร้านอาหารไทยอ่วมแบกรับไม่ไหว แห่ปรับราคาขึ้น หลังเผชิญทั้งเนื้อหมู ไก่ ไข่ น้ำมันพืชปรับขึ้นถ้วนหน้า พ่อค้าแม่ค้าวอนภาครัฐออกมาตรการช่วยบรรเทา

การปรับราคาของวัตถุดิบหลายรายการ เริ่มผลกระทบอย่างเห็นได้ชัด เมื่อผู้ประกอบการในธุรกิจอาหารเริ่มแบกรับต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาอาหารหลักอย่างเนื้อสัตว์ น้ำมันพืช ไข่ไก่ ที่กระทบโดยตรงกับร้านค้ารายย่อย

ทำให้ร้านอาหารสตรีทฟู้ด รวมถึงร้านอาหารในฟู้ดคอร์ท และร้านอาหารทั่วไป ต่างขยับราคาเมนูต่างๆ ขึ้น 5-10 บาท ขณะที่ร้านกาแฟ ร้านขายเครื่องดื่มจ่อปรับราคาขึ้น หลังต้นทุนค่ากาแฟ น้ำหวาน ต่างปรับราคาขึ้นไปก่อนหน้านี้

แบกรับไม่ไหว “ร้านอาหาร” แห่ปรับราคาขึ้น เนื้อหมู ไก่ ไข่ น้ำมันพืช ถีบต้นทุนทะยาน

นายสุภัค หมื่นนิกร ผู้ก่อตั้งสถาบันธุรกิจแฟรนไชส์อาหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทอีซี่ส์ อินเตอร์เนชั่นแนล แฟรนไชส์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้บริหารร้านแฮมเบอร์เกอร์ “Siam Steak” และไส้กรอกพรีเมี่ยม “อีซี่ส์” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การปรับตัวของราคาวัตถุดิบ เช่น ไก่ หมู และน้ำมันพืชในช่วงที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจ

แม้ว่าการปรับราคาของวัตถุดิบจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจในระยะสั้น แต่ทางบริษัทได้เตรียมแผนสำรองไว้แล้ว ซึ่งรวมถึงการบริหารต้นทุนภายใน เช่น การบริหารจัดการฟู้ดเวสต์ และการทำการตลาดในรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ได้ รวมถึงการมีมาตรการรองรับเพื่อป้องกันผลกระทบจากการขึ้นราคาของวัตถุดิบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

โดยการพยายามควบคุมต้นทุนในภาคการผลิตและการนำเข้าสินค้า ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาคุณภาพของสินค้าและบริการได้ตามมาตรฐานที่กำหนด ขณะที่ราคาวัตถุดิบหลักบางรายการได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างชัดเจน อาทิ ราคาหมูและไก่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

แบกรับไม่ไหว “ร้านอาหาร” แห่ปรับราคาขึ้น เนื้อหมู ไก่ ไข่ น้ำมันพืช ถีบต้นทุนทะยาน

บริษัทก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะไม่ปรับราคาอาหารให้สูงขึ้น โดยคำนึงถึงการรักษาความพึงพอใจของลูกค้าและการไม่กระทบกับกำลังซื้อของผู้บริโภค นอกจากนี้ทางบริษัทยังคงมีการจัดการต้นทุนและการวางแผนการซื้อวัตถุดิบในระยะยาวเพื่อให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของราคาวัตถุดิบได้ในอนาคต โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่แน่นอนอย่างเช่นในปัจจุบัน

โดยคาดการณ์ว่าในปีหน้า ราคาหมูและไก่จะปรับขึ้นอย่างแน่นอน ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นนั้นมีหลายประการ หนึ่งในนั้นคือภาวะความตึงเครียดในต่างประเทศ เช่น สถานการณ์สงครามที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศและทำให้สินค้าเกษตรและวัตถุดิบการผลิตเกิดการขาดแคลนหรือราคาสูงขึ้น

นอกจากนี้ยังมีผลกระทบจากนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้ดำเนินมาตรการการค้าในรูปแบบต่างๆ ส่งผลให้การค้าระหว่างประเทศมีการปรับตัว

อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นคือภาวะโลกร้อน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตวัตถุดิบทางการเกษตร เช่น การเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิ ซึ่งทำให้การเกษตรได้รับความเสียหาย รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลง การขาดแคลนวัตถุดิบส่งผลให้ต้นทุนการผลิตของสินค้าเกษตรสูงขึ้น

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเกี่ยวกับสุขภาพเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ยังไม่มีนโยบายในการออกมาตรการประกันราคาสินค้าและดูแลซัพพลายเชน ส่งผลให้ภาคธุรกิจต้องรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นด้วยตนเอง

นายสุภัคยังเสนอว่า ภาครัฐควรให้การสนับสนุน ในด้านการพัฒนาระบบการผลิตและการให้การสนับสนุนในระดับต่างๆ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กสามารถแข่งขันกับผู้เล่นรายใหญ่ได้

โดยการส่งเสริมความสามารถในการผลิต การปรับปรุงคุณภาพสินค้า และการให้ความช่วยเหลือในด้านต้นทุน อย่างการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการส่งเสริมการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งหากรัฐบาลสามารถสนับสนุนในด้านต่างๆ เช่น การเพิ่มงบประมาณและการพัฒนาระบบซัพพอร์ต จะช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนและสามารถรับมือกับการแข่งขันในตลาดที่มีความท้าทายสูงขึ้นได้

จะเห็นได้ว่าผู้ประกอบการรายใหญ่และกลางยังพอรับมือกับสถานการณ์ปัญหาต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นได้ ส่วนผู้ประกอบการย่อย โดยเฉพาะร้านอาหารตามสั่งกลับต้องเผชิญกับความยากลำบากจากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินธุรกิจ

“ฐานเศรษฐกิจ ได้ลงพื้นที่สำรวจร้านอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ พบว่า “ครัวแม่นิด” โดยนายประดิษฐ์ และนางนิด ขอสงวนนามสกุล เล่าให้ฟังว่า สถานการณ์ราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มหมูซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการปรุงอาหารให้ลูกค้า ราคาหมูสามชั้นที่เคยขายในราคา 180 บาท/กก. ปัจจุบันขึ้นมาอยู่ที่ 215 บาท/กก. หมูบดราคา 100 บาท/กก. ก็เพิ่มขึ้นเป็น 120 บาท/กก. และหมูชิ้นราคา 150 บาท/กก. ก็ปรับขึ้นเช่นกัน

แบกรับไม่ไหว “ร้านอาหาร” แห่ปรับราคาขึ้น เนื้อหมู ไก่ ไข่ น้ำมันพืช ถีบต้นทุนทะยาน

ราคาสินค้าอื่นๆ ที่ใช้ในการประกอบอาหารเช่น น้ำตาลและน้ำมันพืชก็มีการปรับราคาขึ้นในหลายรอบ โดยเฉพาะน้ำมันพืชที่จากราคา 41 บาท/ลิตร ได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 57 บาท/ลิตรในปัจจุบัน ราคาน้ำมันพืชได้ปรับเพิ่มขึ้นถึง 3-4 ครั้งในปีที่ผ่านมา การปรับราคาน้ำมันพืชเพิ่มขึ้นราว 10 บาท

ในสถานการณ์นี้ ร้านครัวแม่นิดจึงต้องหาวิธีรับมือกับต้นทุนที่สูงขึ้น โดยการรับหมูจากฟาร์มโดยตรงทำให้ราคาหมูถูกกว่าตลาดทั่วไป 20-30 บาท แต่นั่นก็ยังไม่พอที่จะรับมือกับสถานการณ์ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว และการบริหารจัดการของรัฐบาลที่ไม่สามารถช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้

แบกรับไม่ไหว “ร้านอาหาร” แห่ปรับราคาขึ้น เนื้อหมู ไก่ ไข่ น้ำมันพืช ถีบต้นทุนทะยาน

ทั้งนี้มองว่าในอนาคตราคาวัตถุดิบจะปรับเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากปัจจุบันนี้ไม่มีราคาวัตถุดิบใดที่ลดลงได้เลย ทุกอย่างมีแต่ปรับราคาขึ้น 5-10 บาท ทำให้ร้านต้องปรับราคาขายอาหารขึ้น 5-10 บาทตามราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น หากไม่ทำเช่นนั้น ร้านคงไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ จากเดิมที่เคยขายได้วันละประมาณ 1 หมื่นบาท ตอนนี้ร้านขายได้ไม่ถึง 4,000 บาทต่อวันแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลกระทบจากราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นและภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคืองอย่างชัดเจน

ด้านนายณัฐวุทธ ขอสงวนนามสกุล เจ้าของร้าน Kitchen Home กล่าวว่า ในปัจจุบันต้นทุนวัตถุดิบที่ใช้ในการทำอาหารปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจอย่างชัดเจน โดยเฉพาะราคาหมูที่มีการปรับเพิ่มขึ้นหลายประเภท เช่น หมูชิ้น, หมูสับ, หมูสามชั้น, คอหมู, ไข่ไก่ที่มีการปรับขึ้นเป็นบางวัน โดยเพิ่มขึ้นทีละ 5 บาทแต่ก็ลดลงเพียงแค่ 3 บาท

ขณะที่ราคาน้ำมันยังคงมีการปรับสูงขึ้นและวัตถุดิบทะเลบางประเภท เช่น เนื้อปลากะพง จากเดิม 170 บาท ปรับขึ้นเป็น 200 บาท/กก. เช่นกัน ผลกระทบจากการปรับราคาวัตถุดิบเหล่านี้ทำให้ทางร้านจำเป็นต้องปรับราคาขายอาหารเพิ่มขึ้น เช่น ข้าวหมูกรอบที่จากเดิมขายในราคา 60 บาท ปรับขึ้นเป็น 70 บาท

โดยการทำอาหารหนึ่งจานมีต้นทุนสูงถึง 70% ซึ่งทำให้กำไรที่ได้จากการขายอาหารไม่มากนัก เช่น ต้นทุนค่าไฟที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจากที่เคยจ่ายค่าไฟเดือนละ 5,500 บาท ปรับขึ้นเป็น 7,500 บาทในเดือนเมษายน

“ฝากให้รัฐบาลช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย โดยเฉพาะในเรื่องราคาวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายด้านขนส่งที่เพิ่มสูงขึ้น เพื่อช่วยลดภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นและทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินการได้อย่างยั่งยืนในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนเช่นนี้”

 

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,094 วันที่ 8 - 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2568