การปรับราคาของวัตถุดิบหลายรายการ เริ่มผลกระทบอย่างเห็นได้ชัด เมื่อผู้ประกอบการในธุรกิจอาหารเริ่มแบกรับต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาอาหารหลักอย่างเนื้อสัตว์ น้ำมันพืช ไข่ไก่ ที่กระทบโดยตรงกับร้านค้ารายย่อย
ทำให้ร้านอาหารสตรีทฟู้ด รวมถึงร้านอาหารในฟู้ดคอร์ท และร้านอาหารทั่วไป ต่างขยับราคาเมนูต่างๆ ขึ้น 5-10 บาท ขณะที่ร้านกาแฟ ร้านขายเครื่องดื่มจ่อปรับราคาขึ้น หลังต้นทุนค่ากาแฟ น้ำหวาน ต่างปรับราคาขึ้นไปก่อนหน้านี้
นายสุภัค หมื่นนิกร ผู้ก่อตั้งสถาบันธุรกิจแฟรนไชส์อาหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทอีซี่ส์ อินเตอร์เนชั่นแนล แฟรนไชส์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้บริหารร้านแฮมเบอร์เกอร์ “Siam Steak” และไส้กรอกพรีเมี่ยม “อีซี่ส์” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การปรับตัวของราคาวัตถุดิบ เช่น ไก่ หมู และน้ำมันพืชในช่วงที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจ
แม้ว่าการปรับราคาของวัตถุดิบจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจในระยะสั้น แต่ทางบริษัทได้เตรียมแผนสำรองไว้แล้ว ซึ่งรวมถึงการบริหารต้นทุนภายใน เช่น การบริหารจัดการฟู้ดเวสต์ และการทำการตลาดในรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ได้ รวมถึงการมีมาตรการรองรับเพื่อป้องกันผลกระทบจากการขึ้นราคาของวัตถุดิบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
โดยการพยายามควบคุมต้นทุนในภาคการผลิตและการนำเข้าสินค้า ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาคุณภาพของสินค้าและบริการได้ตามมาตรฐานที่กำหนด ขณะที่ราคาวัตถุดิบหลักบางรายการได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างชัดเจน อาทิ ราคาหมูและไก่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
บริษัทก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะไม่ปรับราคาอาหารให้สูงขึ้น โดยคำนึงถึงการรักษาความพึงพอใจของลูกค้าและการไม่กระทบกับกำลังซื้อของผู้บริโภค นอกจากนี้ทางบริษัทยังคงมีการจัดการต้นทุนและการวางแผนการซื้อวัตถุดิบในระยะยาวเพื่อให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของราคาวัตถุดิบได้ในอนาคต โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่แน่นอนอย่างเช่นในปัจจุบัน
โดยคาดการณ์ว่าในปีหน้า ราคาหมูและไก่จะปรับขึ้นอย่างแน่นอน ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นนั้นมีหลายประการ หนึ่งในนั้นคือภาวะความตึงเครียดในต่างประเทศ เช่น สถานการณ์สงครามที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศและทำให้สินค้าเกษตรและวัตถุดิบการผลิตเกิดการขาดแคลนหรือราคาสูงขึ้น
นอกจากนี้ยังมีผลกระทบจากนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้ดำเนินมาตรการการค้าในรูปแบบต่างๆ ส่งผลให้การค้าระหว่างประเทศมีการปรับตัว
อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นคือภาวะโลกร้อน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตวัตถุดิบทางการเกษตร เช่น การเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิ ซึ่งทำให้การเกษตรได้รับความเสียหาย รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลง การขาดแคลนวัตถุดิบส่งผลให้ต้นทุนการผลิตของสินค้าเกษตรสูงขึ้น
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเกี่ยวกับสุขภาพเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ยังไม่มีนโยบายในการออกมาตรการประกันราคาสินค้าและดูแลซัพพลายเชน ส่งผลให้ภาคธุรกิจต้องรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นด้วยตนเอง
นายสุภัคยังเสนอว่า ภาครัฐควรให้การสนับสนุน ในด้านการพัฒนาระบบการผลิตและการให้การสนับสนุนในระดับต่างๆ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กสามารถแข่งขันกับผู้เล่นรายใหญ่ได้
โดยการส่งเสริมความสามารถในการผลิต การปรับปรุงคุณภาพสินค้า และการให้ความช่วยเหลือในด้านต้นทุน อย่างการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการส่งเสริมการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งหากรัฐบาลสามารถสนับสนุนในด้านต่างๆ เช่น การเพิ่มงบประมาณและการพัฒนาระบบซัพพอร์ต จะช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนและสามารถรับมือกับการแข่งขันในตลาดที่มีความท้าทายสูงขึ้นได้
จะเห็นได้ว่าผู้ประกอบการรายใหญ่และกลางยังพอรับมือกับสถานการณ์ปัญหาต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นได้ ส่วนผู้ประกอบการย่อย โดยเฉพาะร้านอาหารตามสั่งกลับต้องเผชิญกับความยากลำบากจากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินธุรกิจ
“ฐานเศรษฐกิจ ได้ลงพื้นที่สำรวจร้านอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ พบว่า “ครัวแม่นิด” โดยนายประดิษฐ์ และนางนิด ขอสงวนนามสกุล เล่าให้ฟังว่า สถานการณ์ราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มหมูซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการปรุงอาหารให้ลูกค้า ราคาหมูสามชั้นที่เคยขายในราคา 180 บาท/กก. ปัจจุบันขึ้นมาอยู่ที่ 215 บาท/กก. หมูบดราคา 100 บาท/กก. ก็เพิ่มขึ้นเป็น 120 บาท/กก. และหมูชิ้นราคา 150 บาท/กก. ก็ปรับขึ้นเช่นกัน
ราคาสินค้าอื่นๆ ที่ใช้ในการประกอบอาหารเช่น น้ำตาลและน้ำมันพืชก็มีการปรับราคาขึ้นในหลายรอบ โดยเฉพาะน้ำมันพืชที่จากราคา 41 บาท/ลิตร ได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 57 บาท/ลิตรในปัจจุบัน ราคาน้ำมันพืชได้ปรับเพิ่มขึ้นถึง 3-4 ครั้งในปีที่ผ่านมา การปรับราคาน้ำมันพืชเพิ่มขึ้นราว 10 บาท
ในสถานการณ์นี้ ร้านครัวแม่นิดจึงต้องหาวิธีรับมือกับต้นทุนที่สูงขึ้น โดยการรับหมูจากฟาร์มโดยตรงทำให้ราคาหมูถูกกว่าตลาดทั่วไป 20-30 บาท แต่นั่นก็ยังไม่พอที่จะรับมือกับสถานการณ์ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว และการบริหารจัดการของรัฐบาลที่ไม่สามารถช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้
ทั้งนี้มองว่าในอนาคตราคาวัตถุดิบจะปรับเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากปัจจุบันนี้ไม่มีราคาวัตถุดิบใดที่ลดลงได้เลย ทุกอย่างมีแต่ปรับราคาขึ้น 5-10 บาท ทำให้ร้านต้องปรับราคาขายอาหารขึ้น 5-10 บาทตามราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น หากไม่ทำเช่นนั้น ร้านคงไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ จากเดิมที่เคยขายได้วันละประมาณ 1 หมื่นบาท ตอนนี้ร้านขายได้ไม่ถึง 4,000 บาทต่อวันแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลกระทบจากราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นและภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคืองอย่างชัดเจน
ด้านนายณัฐวุทธ ขอสงวนนามสกุล เจ้าของร้าน Kitchen Home กล่าวว่า ในปัจจุบันต้นทุนวัตถุดิบที่ใช้ในการทำอาหารปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจอย่างชัดเจน โดยเฉพาะราคาหมูที่มีการปรับเพิ่มขึ้นหลายประเภท เช่น หมูชิ้น, หมูสับ, หมูสามชั้น, คอหมู, ไข่ไก่ที่มีการปรับขึ้นเป็นบางวัน โดยเพิ่มขึ้นทีละ 5 บาทแต่ก็ลดลงเพียงแค่ 3 บาท
ขณะที่ราคาน้ำมันยังคงมีการปรับสูงขึ้นและวัตถุดิบทะเลบางประเภท เช่น เนื้อปลากะพง จากเดิม 170 บาท ปรับขึ้นเป็น 200 บาท/กก. เช่นกัน ผลกระทบจากการปรับราคาวัตถุดิบเหล่านี้ทำให้ทางร้านจำเป็นต้องปรับราคาขายอาหารเพิ่มขึ้น เช่น ข้าวหมูกรอบที่จากเดิมขายในราคา 60 บาท ปรับขึ้นเป็น 70 บาท
โดยการทำอาหารหนึ่งจานมีต้นทุนสูงถึง 70% ซึ่งทำให้กำไรที่ได้จากการขายอาหารไม่มากนัก เช่น ต้นทุนค่าไฟที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจากที่เคยจ่ายค่าไฟเดือนละ 5,500 บาท ปรับขึ้นเป็น 7,500 บาทในเดือนเมษายน
“ฝากให้รัฐบาลช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย โดยเฉพาะในเรื่องราคาวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายด้านขนส่งที่เพิ่มสูงขึ้น เพื่อช่วยลดภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นและทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินการได้อย่างยั่งยืนในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนเช่นนี้”
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,094 วันที่ 8 - 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2568