ชงนายกฯ กำหนดแผนรองรับประมูลคลื่นความถี่ "คุมราคาค่าบริการ - ผูกขาด"

27 เม.ย. 2568 | 04:04 น.
อัปเดตล่าสุด :27 เม.ย. 2568 | 04:06 น.

สภาผู้บริโภคยื่นหนังสือถึงนายกฯ ออกมาตรการรองรับประมูลคลื่นความถี่ หวั่นกระทบบริการสาธารณะของ NT – ซ้ำเติมการผูกขาด เสนอ 4 ข้อเร่งรัฐคุมราคาค่าบริการ – เปิดทางรายใหม่

สภาผู้บริโภคได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี กำหนดมาตรการรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับผู้บริโภค รวมถึงการปรับแนวทางการจัดสรรคลื่นความถี่ให้เกิดความเป็นธรรมและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้บริโภค หลังคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)มีมติเอกฉันท์ประมูลคลื่นความถี่ 4 ย่าน จากทั้งหมด 6 ย่าน โดยเปิดประมูลคลื่นความถี่ทีละย่าน โดยจะประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 25 เมษายนนั้น

นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ ประธานคณะอนุกรรมการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาผู้บริโภค เปิดเผยว่า การประมูลคลื่นความถี่ในครั้งนี้ครอบคลุมถึง 4 ย่านหลัก ได้แก่ 850 MHz, 1800 MHz, 2100 MHz (เฉพาะที่จะสิ้นสุดปี 2568 ของ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT) และ 2300 MHz จึงมีข้อกังวลว่า หากไม่มีแนวทางรองรับที่เหมาะสม อาจกระทบต่อความมั่นคงของระบบสื่อสาร โดยเฉพาะภารกิจด้านบริการสาธารณะ

ชงนายกฯ กำหนดแผนรองรับประมูลคลื่นความถี่ \"คุมราคาค่าบริการ - ผูกขาด\"

“การนำคลื่นของ NT เข้าประมูล โดยไม่มีการเว้นไว้สำหรับการใช้งานในภารกิจของรัฐหรือการให้บริการสาธารณะ อาจส่งผลต่อความมั่นคงทางสื่อสารในภาวะวิกฤติ โดยเฉพาะต่อกลุ่มเปราะบาง และประชาชนในพื้นที่ห่างไกลที่ยังพึ่งพาโครงข่ายของ NT อยู่”

อย่างไรก็ตาม การเปิดประมูลคลื่นพร้อมกันหลายย่าน อาจทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่สมดุลในตลาดโทรคมนาคม ซึ่งปัจจุบันเหลือผู้ให้บริการหลักเพียงสองราย และอาจเป็นการเปิดช่องให้เกิดการผูกขาดมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างและสร้างแนวทางที่เป็นธรรม สภาผู้บริโภคเสนอให้นายกรัฐมนตรีสั่งการไปยังกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล ให้เร่งประสานกับ กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการใน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่

1. ให้กำหนดเพดานราคาค่าบริการสูงสุดโดยพิจารณาจากปริมาณและคุณภาพของการให้บริการ รวมทั้งเงื่อนไขการให้บริการของผู้ให้บริการโครงข่ายเสมือน หรือ MVNO ให้เป็นส่วนหนึ่งของเงื่อนไขในการแข่งขันประมูล

2. ให้กำหนดเงื่อนไขที่ชัดเจนในการอนุญาตให้บริษัท NT, ผู้ให้บริการ MVNO หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง สามารถร่วมใช้ประโยชน์ในคลื่นความถี่ที่ได้รับอนุญาตไปแล้ว ในอัตราค่าบริการที่เป็นธรรม พร้อมกำหนดระยะเวลาดำเนินการที่แน่นอน และบทลงโทษในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการได้ตามเงื่อนไข

3. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมจัดประชุมหารือร่วมกับผู้แทนผู้บริโภค กสทช. บริษัท NT ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และผู้ให้บริการ MVNO เพื่อจัดทำแผนรองรับผลกระทบต่อผู้บริโภคจากกรณีการหมดสัญญาของบริษัท NT

4. ขอให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหาแนวทางสนับสนุนให้บริษัท NT สามารถใช้งานคลื่นความถี่ของ กสทช. ได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นบริการสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชน รวมทั้งใช้เป็นช่องทางในการแจ้งเตือนภัยจากเหตุการณ์ฉุกเฉินและภัยพิบัติต่าง ๆ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากผู้บริโภค

นางสาวสุภิญญา  กล่าวเน้นย้ำว่า ในการปรับหลักเกณฑ์การประมูลให้เอื้อต่อการแข่งขันอย่างเป็นธรรม เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายใหม่เข้าสู่ตลาด และมีกลไกควบคุมคุณภาพบริการหลังการประมูลอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่มีคุณภาพ ราคาที่เหมาะสม และไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากตลาดที่ขาดความหลากหลาย

ทั้งนี้ ในวันนี้ 21 เมษายน 2568 กสทช. มีมติเอกฉันท์ประมูลคลื่นความถี่ 4 ย่านความถี่โดยกำหนด ราคาเริ่มต้นต่อใบอนุญาตดังนี้

  • คลื่น 850 เมกะเฮิรตซ์ จำนวน 2 ชุดความถี่ ใบอนุญาตละ 2x5 เมกะเฮิรตซ์ ราคาเริ่มต้น 7,738.23 ล้านบาทใบอนุญาตมีอายุ 15 ปี
  • คลื่น 1500 เมกะเฮิรตซ์ จำนวน 11 ชุดความถี่ ใบอนุญาตละ 5 เมกะเฮิรตซ์ราคาเริ่มต้น 1,057.49ล้านบาทใบอนุญาตมีอายุ 15 ปี
  • ความถี่ 2100 เมกะเฮิรตซ์ จำนวน 15 ชุด ความถี่ ใบอนุญาตละ 2x5 เมกะเฮิรตซ์  ราคาเริ่มต้น 4,500 ล้านบาท
  • ความถี่ 2300 เมกะเฮิรตซ์ จำนวน 7 ชุดความถี่ ใบอนุญาตละ 10 เมกะเฮิรตซ์ ราคาเริ่มต้น 2,596.15 ล้านบาท