สบส.ขีดเส้นตาย“สปา-นวดพริตตี้” ให้เวลากลับตัวอีก 114 วัน

06 มิ.ย. 2559 | 09:55 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

เย็นวันนี้ (6 มิถุนายน 2559) นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ภัทรพล จึงสมเจตไพศาล ผู้อำนวยการกองสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ประเภท สปา ที่หมู่บ้านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เพื่อประชาสัมพันธ์ชี้แจงแนวทางการดำเนินธุรกิจให้ถูกต้องตาม “พระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559” ซึ่งมีหลักปฏิบัติมาตรฐาน 5 ด้าน ประกอบด้วย สถานที่ ผู้ประกอบการ ผู้ให้บริการ การให้บริการ และความปลอดภัย โดยนำเอกสารแผ่นพับ คู่มือ แนวทางการขออนุญาต กฎหมายฉบับกระเป๋าไปแจกด้วย

นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้คาดว่ามีสถานประกอบการประเภทสปา นวดเพื่อสุขภาพหรือเสริมความงาม ที่จดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ กว่า 5,000 แห่งทั่วประเทศ ในส่วนของพนักงานที่ให้บริการ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบริการนวด คาดว่าจะมีเกินครึ่งที่ไม่ผ่านการอบรมหลักสูตรจากสถาบันที่ได้มาตรฐาน ใช้เพียงทักษะที่ฝึกฝนถ่ายทอดมาจากครัวเรือน หรือฝึกเอง ดังนั้น กรม สบส. จึงต้องเร่งดำเนินการชี้แจงผู้ประกอบการเหล่านี้ ให้ปรับปรุงเตรียมความพร้อม เพื่อขออนุญาตขึ้นทะเบียนกับกรม สบส. พร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2559 เป็นต้นไป โดยผู้ประกอบการรายใหม่สามารถลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ หรือที่กองสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ กรม สบส. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี และในส่วนภูมิภาคที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ ส่วนผู้ประกอบการรายเก่าที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากกรม สบส. มาแล้ว จำนวน 1,605 แห่ง ขอให้เร่งสำรวจส่วนที่ยังตกเกณฑ์เพื่อปรับปรุงตามมาตรฐาน และยื่นขอขึ้นทะเบียนใหม่ภายใน 180 วันหลังกฎหมายมีผลบังคับใช้

โดยเฉพาะ สปาพริตตี้ สปาเกย์ นวดพริตตี้ หรือการให้บริการทางเพศที่แอบแฝงในรูปแบบของการนวดต่างๆ หากจะทำการปรับปรุงให้ถูกต้องตามกฎหมายฉบับนี้ ก็สามารถทำได้ โดยมีเวลาปรับปรุงอีก 114 วัน และเมื่อเป็นไปตามเกณฑ์ สามารถยื่นขออนุญาตประกอบกิจการกับ กรม สบส. ได้ และตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2559 ที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ กรม สบส.จะร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจเข้มทุกพื้นที่ หากพบจะดำเนินการสั่งปิด และลงโทษตามกฎหมายโดยไม่มีข้อละเว้นใดๆทั้งสิ้น

“สถานประกอบการเพื่อสุขภาพไม่ใช่สถานที่รักษา เป็นเพียงสถานที่ให้บริการเพื่อส่งเสริมสุขภาพ โดยกฎหมายฉบับนี้ไม่ได้ออกมาเพื่อจับหรือปิดเท่านั้น แต่เป็นการคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้บริการทั้งไทยและเทศ และช่วยส่งเสริมพัฒนาธุรกิจด้านนี้ซึ่งถือเป็นธุรกิจประเภทดาวเด่นที่มีโอกาสเติบโตสร้างรายได้ และชื่อเสียงให้แก่ประเทศ ดังนั้น บุคลากรที่ให้บริการซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ จะต้องผ่านการอบรมมีคุณภาพมาตรฐาน” อธิบดีกรม สบส.กล่าว

ด้าน นายแพทย์ภัทรพล จึงสมเจตไพศาล ผู้อำนวยการกองสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ กล่าวว่า สถานประกอบการเพื่อสุขภาพที่ถูกกฎหมาย ทั้ง 3 ประเภท ซึ่งกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นการให้บริการนวดต่างๆ ห้ามรับต่างด้าวที่เข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายทำงานเด็ดขาด และหากจะเป็นผู้ให้บริการนวด จะต้องผ่านการอบรมการนวดตามหลักสูตรที่กำหนดจากสถานศึกษา ซึ่งมีกว่า 200 สถาบัน และจะต้องขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการที่ถูกต้องตามกฎหมายกับกรมสบส.โดยใบรับรองมีผลตลอดชีพ และกรม สบส.จะมีการจัดอบรมฟื้นฟูความรู้อย่างต่อเนื่องให้ทันต่อวิทยาการสมัยใหม่ ต่อไป