ดร.สาโรจน์ วสุวานิช รองประธานกิตติมศักดิ์ บริษัท ไทยซัมมิท กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) และกรรมการและประธานกิตติมศักดิ์ บริษัทไทยซัมมิท ฮาร์เนท จำกัด(มหาชน) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ภาพรวมธุรกิจในกลุ่มของ ไทยซัมมิท ฮาร์เนท ในประเทศยอดออเดอร์ยังคงลดลงตั้งแต่หลังเกิดโรคระบาดโควิด-19 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งตลาดในประเทศค่อนข้างทรงตัว ทางบริษัทมุ่งไปขยายฐานผลิตในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 7 ประเทศได้แก่ เวียดนาม อินโดนิเซีย จีน ญี่ปุ่น อินเดีย สหรัฐฯ แอฟริกาใต้
แม้รายได้หลักในตอนนี้หลักของบริษัทฯ จะเป็นตลาดในประเทศ แต่แนวโน้มในอนาคตรายได้หลักคาดว่าจะมาจากต่างประเทศเพราะมีขยายตัวตลอดเวลา
ปัจจัยที่ทำออเดอร์การผลิตในประเทศลดน้อยลงเรื่อย ๆ มาจากสภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ไม่เติบโต GDP เติบโตค่อนข้างต่ำ ทำให้ตลาดผู้บริโภคในประเทศทรงตัว ประกอบกับการส่งออกรถยนต์หรืออุปกรณ์ชิ้นส่วนยานยนต์ไปต่างประเทศลดลง อีกทั้งผู้บริโภคหันไปใช้รถ EV ที่เข้ามาแบ่งสัดส่วนการตลาดของรถสันดาปมากขึ้น ส่งผลให้ออเดอร์ชิ้นประกอบรถยนต์ออเดอร์ลดลงไปด้วย
แม้ปัจจุบันตลาดในประเทศ ยังมีฐานผลิตชิ้นส่วนรถ EV แต่ส่วนใหญ่เป็นการใช้วิธีการนำเข้ามาขายในประเทศ ซึ่งในอนาคตอาจจะมีนักลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน เข้ามาตั้งโรงงานในการประกอบชิ้นรถ EV ในประเทศ เบื้องต้นบริษัทฯเราก็มีการเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา
ที่ผ่านมามีบริษัท EV ต่างชาติหลายบริษัทเข้ามาศึกษาและสำรวจโรงงานของเรา รวมถึงผู้ประกอบการเจ้าอื่น ๆ ด้วย ถ้าหากในอนาคตมีการติดต่อเข้ามาให้ผลิตชิ้นส่วนยายนต์ EV เราก็พร้อมร่วมมือ
อย่างไรก็ตามต้องรอดูนโยบายของบริษัท EV ที่จะเข้ามาตั้งฐานในประเทศ เพราะบางครั้งการซื้อชิ้นส่วนในกลุ่มเดิมที่เขาเคยผลิตส่งให้อาจจะถูกกว่า
“ถ้าพูดถึงราคาสินค้าจีนก็ถือว่าถูกที่สุดในโลก ถึงแม้จะผลิตในเมืองไทย แต่เขาอาจจะย้ายฐานผลิตมาทั้งซัพพลายเชน”
สิ่งที่หน้ากังวลคืออุตสาหกรรมระดับกลางถึงระดับล่างที่เกี่ยวข้อง ในอนาคตค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะไม่ได้อยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมทำให้ได้รับการส่งเสริมจากทางภาครัฐค่อนข้างน้อย ทำให้ไม่มีแต้มต่อในการที่ขยายธุรกิจหรือดำเนินธุรกิจต่อไปได้ แต่สิ่งสำคัญคือผู้ประกอบการต้องพยายามช่วยเหลือตัวเอง และพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้เท่าทันอุตสาหกรรม