บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัทพลังงานแห่งชาติ อันมีภารกิจหลักในการสร้ างความมั่นคงทางด้านพลังงานให้ กับประเทศ ควบคู่ไปกับการทำธุรกิจ ซึ่งอยู่คู่คนไทย มาตั้งแต่ปี 2521 จากภารกิจดังกล่าว ปตท. จึงไม่ใช่สถานีบริการน้ำมั นสำหรับลูกค้าระดับใดระดับหนึ่ง แต่เป็นของผู้บริโภคไทยทุกคน ล่าสุด คุณอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุ รกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เผยถึงวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุ รกิจของแบรนด์อย่างยั่งยืน หรือ Sustainable Brand เพื่อยืนหยัดบนโลกธุรกิ จและสอดรับกับสภาพสังคมที่เปลี่ ยนแปลงไป ผ่านทิศทางเชิงกลยุทธ์ 3 ทิศทาง คือ การพัฒนาให้องค์กรมีความเป็นเลิ ศในการดำเนินงาน (Profit) การเสริมสร้างความไว้วางใจจากชุ มชนและสังคมในการดำเนินงาน (People) และการสร้างนวัตกรรมที่ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสั งคม (Planet) คือ เป็น Triple Bottom Line (Profit People Planet) ไม่ใช่แค่ Single Bottom Line (Profit) อีกต่อไป ดังนั้น นับจากนี้ไป บทบาทของหน่วยธุรกิจน้ำมันจะมุ่ งเน้นในการสร้าง Brand Image “PTT: Pride and Treasure of Thailand” ด้วยการตอกย้ำการเป็นแบรนด์ คนไทย ที่ดูแลคนไทย ทำเพื่อคนไทย อยู่คู่กับคนไทย และให้คนไทยภาคภูมิใจ
นอกจากนี้ ปตท. ยังจัดกรอบการดำเนินงานด้ านการมีส่วนร่วมและพัฒนาชุมชน ให้การบริหารชุมชนสัมพันธ์เป็ นไปในทิศทางเดียวกันทั่วทั้ งองค์กร สอดคล้องกับกลยุทธ์การดำเนินธุ รกิจ โดย ปตท. ดำเนินงานเพื่อสังคมตาม 3 แนวทางหลัก ได้แก่ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาสังคมและชุมชน และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ดังนั้น การทำ CSR ของ ปตท. จึงต้องมีความลึกซึ้ง มีเป้าหมาย และมีความสำเร็จที่ชัดเจนมากขึ้ น การสนับสนุนในรูปของเงินไม่ใช่ แนวทางการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน เพราะเมื่อเงินหมด ปัญหาของชาวบ้านก็กลับมาใหม่ เราจะเปลี่ยนจากการทำ CSR แบบเดิมๆ ให้เป็น Strategic CSR หรือที่เรียกว่า CSV นั่นเอง ซึ่ง ปตท. จะต้องมีส่วนร่วมและมีเป้ าหมายที่ชัดเจนในการทำให้เกิ ดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้ นต่อสังคมและชุมชนอย่างเป็นรู ปธรรม โดยองค์กรจะให้ความสนับสนุนในรู ปแบบของโครงการต่างๆ เพื่อเป็นการให้ความรู้ซึ่ งจะเป็นเครื่องมือแก้ไขปัญหาที่ ตรงจุดและยั่งยืนติดตัวชาวบ้ านตลอดไป นอกจากนี้ ปตท. ยังมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจให้ เป็นที่รักของสังคมชุมชน ด้วยการให้สถานีบริการน้ำมันสร้ างสรรค์กิจกรรมต่างๆ ภายในสถานีบริการ เพื่อให้สถานีบริการ ปตท. เป็นศูนย์กลางของชุมชน และมีการจัดโครงการ “แยก แลก ยิ้ม” ให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมกั บแคมเปญคัดแยกขยะ และนำรายได้ไปช่วยสังคมรอบๆ สถานีบริการน้ำมันต่อไป
ที่มาของโครงการ “แยก แลก ยิ้ม”
สำหรับโครงการ “แยก แลก ยิ้ม” มีที่มาจากการตระหนักถึงปั ญหาการบริหารจัดการขยะที่ส่ งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้ อมโดยรวมของประเทศไทย ปตท. จึงได้มีแนวคิดที่จะจั ดระบบการบริหารจัดการขยะในสถานี ประกอบกับแนวคิดของการทำสถานี บริการน้ำมัน ให้เป็นสถานีบริการเพื่อชุมชน ทำให้ ปตท. มองเห็นโอกาสที่จะนำขยะมาสร้ างรอยยิ้มให้ชุมชน ด้วยการนำเงินที่ได้ จากการขายขยะรียูสหรือรีไซเคิล ไปสร้างสาธารณประโยชน์ให้ชุ มชนต่างๆ ผ่านสถานีบริการน้ำมัน ปตท. กว่า 1,400 สาขา ทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นจุดที่ ปตท. สัมผัสกับผู้บริโภค และใกล้ชิดกับชุมชนมากที่สุด
งบประมาณในการดำเนินงานโครงการฯ
เนื่องจากทาง ปตท. เล็งเห็นว่าการจะสร้างให้ ประชาชนเกิดพฤติ กรรมการแยกขยะในเวลาอันสั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสื่ อสาร ณ จุดเกิดเหตุ จึงใช้งบประมาณกว่า 20 ล้านบาท ในการพัฒนารูปแบบถังขยะให้ดึงดู ดความสนใจ และง่ายต่อการทำความเข้ าใจเวลาที่จะทิ้งขยะ รวมทั้งการกระจายถังขยะให้ ครอบคลุมทั่วประเทศผ่านสถานีบริ การน้ำมัน ปตท. กว่า 1,400 สาขา นอกจากนี้ยังได้มีการจัดทำสื่ อต่างๆ เพื่อสื่อสารกับผู้ ประกอบการสถานีฯ ให้มีความเข้าใจ และสามารถดำเนินการตามโครงการฯ อย่างถูกต้อง เพื่อให้รายได้ จากการขายขยะของทุกสถานีฯ เปลี่ยนเป็นสาธารณประโยชน์ สร้างรอยยิ้มให้ชุมชนทั่ วประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม
ความคาดหวังจากการดำเนิ นการโครงการฯ
ในปีแรกของการดำเนินโครงการ “แยก แลก ยิ้ม” ปตท. ตั้งเป้าหมายที่จะให้สถานีบริ การน้ำมัน ปตท. ทุกสถานี ได้นำรายได้ จากขายขยะไปทำประโยชน์ให้ชุ มชนบริเวณใกล้เคียงสถานีฯ อย่างน้อย 1 ครั้ง นั่นหมายความว่าจะมีชุมชนอย่ างน้อยกว่า 1,400 ชุมชนทั่วประเทศ ที่จะมีรอยยิ้มจากโครงการนี้ และจากการประมาณการแล้ว คาดว่าโดยเฉลี่ยแล้วขยะในสถานี จะสร้างรายได้จากการขายให้แต่ ละสถานีประมาณ 15,000 บาท/ปี หรือรวมเงินที่สามารถนำไปทำกิ จกรรมสาธารณประโยชน์ทั่ วประเทศจากโครงการนี้เป็ นจำนวนกว่า 21 ล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งโครงการนี้ก็จะยังคงดำเนิ นการต่อไปเรื่อยๆ เพื่อจะเป็นการสร้างให้ ประชาชนและสถานีบริการน้ำมัน ปตท. มีจิตสำนึกในการบริหารจัดการขยะ การดูแลสิ่งแวดล้อม และการช่วยเหลือดูแลสังคมชุ มชนร่วมกันตลอดไป