ครม.เคาะ "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 66" งบ 9.1 พันล้าน ให้ 14.59 ล้านคน

28 ก.พ. 2566 | 08:53 น.

ครม.ไฟเขียว "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2566" วงเงิน 9.1 พันล้าน ได้รับสิทธิ์ 14.59 ล้านคน เริ่มการจ่ายเงินได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 เป็นต้นไป

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (28 กุมภาพันธ์ 2566) เห็นชอบโครงการ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประจำปี 2565 วงเงินรวม 9,140.35 ล้านบาท โดยมีจำนวนผู้ที่มีรายได้น้อยที่ได้รับสิทธิ์ทั้งสิ้น 14.59 ล้านคน จากที่ลงทะเบียนไว้ 22 ล้านคน 

ก่อนหน้านี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยอมรับว่า เมื่อที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบโครงการโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 แล้ว กระทรวงการคลัง จะเปิดให้ตรวจสอบสิทธิ และยืนยันตนตัว ผ่านทางเว็บไซต์ welfare.mof.go.th ช่องทางเดียว โดยจะไม่มีการประกาศรายชื่อเป็นเอกสารต่อไป

ทั้งนี้ การกระทรวงการคลัง ประเมินว่า จะเริ่มการจ่ายเงินได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 เป็นต้นไป

นายกฯ ยันดูแลประชาชนให้ดีที่สุด 

ต่อมาภายหลังการประชุมครม. เสร็จสิ้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า ครม.วันนี้ ได้อนุมัติบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เฟสต่อไป โดยทำเป็นระยะ ๆ ซึ่งใช้เงินพอสมควร โดยจะเริ่มใช้วันที่ 1 เมษายน 2566 และขอยืนยันว่า รัฐบาลจะดูแลประชาชนให้ดีที่สุด ถึงแม้จะเป็นช่วงปลายรัฐบาลก็ตาม ล่าสุดได้ขอร้องพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคแล้วได้ให้ความร่วมมือในช่วงท้ายของรัฐบาลในทุก ๆ เรื่อง

 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังครม. วันนี้

ครม.อนุมัติงบกลางก่อนแรก

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติครม.ว่า ครม.เห็นชอบรายงานผลการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ลงทะเบียน โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ  ปี 2565 และกรอบระยะเวลาดำเนินโครงการ 

พร้อมทั้งอนุมัติงบกลาง 9,140.35 ล้านบาท ให้กองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม นำมาสมทบกับเงินกองทุนฯ ในการดำเนินการจัดสรรประชารัฐสวัสดิการใหม่ เช่น วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคจากร้านธงฟ้าประชารัฐ จำนวน 300 บาทต่อคนต่อเดือน และวงเงินค่าเดินทางระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อคนต่อเดือน

เปิดผลการตรวจสอบคุณสมบัติ

สำหรับรายงานผลการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 มีรายละเอียด ดังนี้

  • ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ 14,596,820 ราย
  • ไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ 5,050,421 ราย

โดยผู้ลงทะเบียนที่ไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ อาทิ มีรายได้เกิน 100,000 บาทต่อปี มีบัญชีเงินฝากเกิน 100,000 บาท มีบัตรเครดิต มีวงเงินกู้บ้านหรือรถ เป็นต้น 

 

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

 

กรอบระยะเวลาโครงการปี 2565 

ประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติและเริ่มกระบวนการยืนยันตัวตน 1 มีนาคม 2566 

  • เริ่มใช้สิทธิ์สวัสดิการสำหรับผู้ลงทะเบียนรอบปกติ  1 เมษายน 2566 
  • กระบวนการอุทธรณ์ (กรณีผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ) 1 มีนาคม - 1 พฤษภาคม 2566 
  • ประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติรอบอุทธรณ์ 20 มิถุนายน 2566                     
  • เริ่มใช้สิทธิ์สำหรับผู้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติรอบอุทธรณ์ 1 กรกฎาคม 2566

สวัสดิการแห่งรัฐที่จะได้รับ 

  • วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นจากร้านธงฟ้า ต่างจังหวัดและกทม. 300 บาทต่อคนต่อเดือน 
  • วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 80 บาทต่อคนต่อเดือน
  • วงเงินค่าเดินทางระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อคนต่อเดือน
  • วงเงินค่าไฟฟ้า ต่างจังหวัดและกทม. 315 บาทต่อคนต่อเดือน
  • วงเงินค่าน้ำประปา ต่างจังหวัดและกทม. 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน แต่ไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน

 

ทีมโฆษกรัฐบาล แถลงมติครม.

 

คาดค่าใช้จ่ายต่อปี 6.5 หมื่นล้าน

สำหรับโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 วงเงินซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค จะได้รับเท่ากันทุกคนและเพิ่มครอบคลุมระบบขนส่งสาธารณะ 8 ประเภท เช่น รถ ขสมก. รถ บขส. รถไฟฟ้า รถสองแถว เรือโดยสาร และขยายสิทธิ์ให้เท่าเทียมกันทุกพื้นที่ รวมทั้งสามารถเฉลี่ยการใช้วงเงินได้กับทุกประเภท 

รวมทั้งยังกำหนดให้วงเงินค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา ให้เป็นสวัสดิการหลักที่ไม่มีเวลาหมดอายุด้วย โดย กระทรวงการคลัง คาดว่า จะมีค่าใช้จ่ายเพื่อจัดสรรประชารัฐสวัสดิการใหม่ ปีละ 65,413.80 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายประชารัฐสวัสดิการใหม่ให้กับผู้ถือบัตรที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติตามโครงการแล้ว