องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน บี้นายกฯ สอบประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม

26 ก.พ. 2566 | 05:42 น.

"มานะ นิมิตรมงคล" เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน บี้นายกฯ ตรวจสอบเบื้องหน้าเบื้องหลังการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มโปร่งใส เป็นธรรมจริงหรือไม่ พร้อมเห็นด้วยหลัง ชูวิทย์ ออกมาแฉ

จากกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ได้ตั้งข้อสังเกตว่า อาจเกิดการทุจริตในกระบวนการประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มและได้เดินทางมายังกระทรวงคมนาคม พร้อมตั้งโต๊ะแถลงข่าวกับสื่อมวลชน และยังได้นำเอกสารหลักฐานเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มนั้น

เห็นด้วยชูวิทย์แฉรถไฟฟ้าสีส้ม

ล่าสุด ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า เห็นด้วยทุกประเด็นที่คุณชูวิทย์แฉเรื่องล็อคสเปก - ฮั้วประมูลในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่ประเทศอาจต้องเสียประโยชน์หลายหมื่นล้านบาท

ทั้งนี้เชื่อว่าผู้บริหาร นักการเมืองในการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และกระทรวงคมนาคม คงจะออกมาชี้แจงเหมือนเดิมโดยอ้างว่า ที่ทำมาโปร่งใสดีแล้วเพราะมีตัวแทนประชาชนตามโครงการข้อตกลงคุณธรรม ร่วมเป็นผู้สังเกตการณ์อิสระอยู่ โดยข้ออ้างเช่นนี้ ถือว่า น่าหงุดหงิดมาก และเพื่อความเข้าใจของทุกท่าน จึงขอให้ข้อเท็จจริงดังนี้

การประมูลรอบแรก : ที่ถูกยกเลิกไปอย่างสิ้นไร้ความสง่างามนั้น ยังไม่มีการใช้ข้อตกลงคุณธรรม

การประมูลรอบที่สอง : มีการใช้ข้อตกลงคุณธรรม แต่เป็นกติกาใหม่ไม่ใช่กติกาตาม พ.ร.บ. จัดซื้อจัดจ้างฯ และมาตรฐานสากลที่ปฏิบัติกันมา ตัวแทนภาคประชาชนที่เข้าทำหน้าที่สังเกตการณ์อิสระถูกจำกัดบทบาทและสิทธิ์การมีส่วนร่วมและสิทธิ์การรับรู้อย่างโปร่งใสหลายประการ ดังนี้

1. ผู้สังเกตการณ์ฯ เริ่มปฏิบัติหน้าที่ เมื่อคณะกรรมการคัดเลือกผู้ร่วมลงทุนของโครงการฯ ได้เริ่มดำเนินการไประยะหนึ่งแล้ว 

2. มีการนำ “ทีโออาร์เก่า” จากการประมูลรอบแรกมาใช้โดยแก้ไขบางประเด็น (คุณชูวิทย์ชี้ประเด็นแก้ไขเพื่อล็อกสเปกไว้แล้ว) ผู้สังเกตการณ์ฯ จึงแทบไม่มีส่วนร่วมในการพิจารณาทีโออาร์เลย

3. การปฏิบัติหน้าที่ของผู้สังเกตการณ์ฯ ตั้งแต่เริ่ม ไม่ได้รับความร่วมมือ – สนับสนุนอย่างเพียงพอจากหน่วยงานและบุคคลที่เกี่ยวข้อง เมื่อเทียบกับโครงการอื่นอีกกว่าร้อยโครงการที่ผ่านมา 

4. การประมูลรอบสอง มีการพิจารณาซองจากผู้ประมูลรายเดียว ผู้สังเกตการณ์ฯ จึงไม่สามารถศึกษาเปรียบเทียบและให้ความเห็นได้ อีกทั้งยังถูกห้ามมิให้เปิดเผยข้อมูลใดๆ ด้วย

5. ในโครงการสายสีส้มนี้ ข้อตกลงคุณธรรม ถูกจำกัดเพียงแค่ขั้นตอนการหาผู้ร่วมลงทุนหรือการประมูลเท่านั้น แต่ขั้นตอนการร่างสัญญา การทำหรือแก้ไขสัญญา การดำเนินการให้เป็นตามสัญญา (บริหารสัญญา) จนเสร็จสิ้นโครงการ ถูกตัดออกไป

ดร.มานะ ระบุว่า คณะผู้สังเกตการณ์อิสระทั้ง 5 คน จึงปฏิบัติหน้าที่โดยครบถ้วน ตามกรอบอำนาจที่มี เงื่อนไขที่ถูกจำกัด ระยะเวลากระชั้นชิด ด้วยข้อมูลเท่าที่รู้เห็นและเขายอมเปิดเผยมา 

บี้นายกฯ ตรวจสอบการประมูล

ทั้งนี้ที่ผ่านมา ACT ยังไม่เคยชี้ว่า ใครคอร์รัปชัน ล็อกสเปกหรือฮั้วประมูลในโครงการนี้ แต่จากพฤติการณ์ที่ปรากฏ จึงได้เรียกร้องไว้ดังนี้ 

1. ขอให้นายกรัฐมนตรีสั่งให้มีการตรวจสอบเบื้องหน้าเบื้องหลังว่าโปร่งใส เป็นธรรมจริงหรือไม่ แล้วรายงานต่อประชาชนโดยเร็ว 

2. คณะกรรมการ พีพีพี คณะกรรมการ รฟม. คณะกรรมการคัดเลือกฯ บุคคลที่เป็นกรรมการทุกคนที่เกี่ยวกับโครงการนี้ ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นให้สมกับตำแหน่ง เงินเดือน เบี้ยประชุม และทุกสิ่งที่ได้ไป 

3. ป.ป.ช. และหน่วยตรวจสอบของรัฐต้องเข้ามาสอบสวนก่อนที่ประเทศจะเสียหาย 

ดร.มานะ ระบุด้วยว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 ถึงปัจจุบัน มีการใช้ข้อตกลงคุณธรรมแล้ว 156 โครงการ มูลค่ารวม 1.97 ล้านล้านบาท ดำเนินการจนมีการลงนามในสัญญาแล้ว 115 โครงการ ช่วยให้ประหยัดเงินของแผ่นดินได้ 74,425 ล้านบาท ปัจจุบันมีผู้สังเกตการณ์ 256 คน