เครือซีพี ติดดัชนีความยั่งยืนโลก 2 ปีซ้อน โดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม-อากาศ

16 ก.พ. 2566 | 10:25 น.

เครือซีพี ตอกย้ำผู้นำธุรกิจ S&P Global ประกาศชื่อเป็นรายเดียวของเอกชนไทยติดดัชนีความยั่งยืนระดับโลกกลุ่มอุตสาหกรรม Industrial Conglomerates ต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน ระบุโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม-กลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

รายงานข่าวจาก เครือเจริญโภคภัณฑ์(ซีพี) เผยว่า S&P Global ผู้ให้บริการข้อมูลด้านการเงิน และการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก ได้มีการประกาศรายชื่อบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับด้านความยั่งยืนที่มีความโดดเด่นใน The Sustainability Yearbook 2023 โดยเครือซีพี เป็นเอกชนไทยรายเดียวที่ได้รับการประเมินดัชนีความยั่งยืนต่อเนื่องเป็นปีที่ 2  ด้วยคะแนน TOP 5% ของกลุ่มอุตสาหกรรม Industrial Conglomerates  (IDD)  ที่มีผลการดำเนินการด้านความยั่งยืนในช่วง 1-5% สูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าว

ทั้งนี้เครือซีพีมีคะแนนภาพรวมของมิติด้านสิ่งแวดล้อมและกลยุทธ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสูงที่สุดในกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าว สะท้อนถึงความยอมรับจากผู้มีส่วนได้เสียในระดับสากลต่อการเป็นบริษัทที่มีความมุ่งมั่นในการดำเนินงานด้านความยั่งยืนในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือซีพี เผยว่า เครือซีพีในฐานะเอกชนไทยที่มีความมุ่งมั่นและมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนระดับโลกมีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับติดอันดับการประเมินความยั่งยืนในรายงาน The Sustainability Yearbook 2023 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยเป็นการประเมินและวิเคราะห์จากผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของเครือซีพีทั้ง 3 มิติ ได้แก่ ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม และด้านเศรษฐกิจและธรรมาภิบาล

ในปีนี้เครือซีพีได้รับการพิจารณาและประเมินจากผลงานโดดเด่นที่มีคะแนนภาพรวมของมิติด้านสิ่งแวดล้อมและกลยุทธ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสูงที่สุด ด้วยการพิจารณาจากผลการดำเนินการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในทุกด้านตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นระบบพื้นฐานการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงาน การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การลดและการจัดการของเสีย และการควบคุมมลพิษทางอากาศ จนทำให้ได้รับคะแนนการประเมินมิติด้านสิ่งแวดล้อมอยู่ที่ร้อยละ 84 ส่งผลให้เครือซีพีก้าวขึ้นเป็นผู้นำในด้านดังกล่าวของอุตสาหกรรม Industrial Conglomerates

เครือซีพี ติดดัชนีความยั่งยืนโลก 2 ปีซ้อน โดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม-อากาศ

 “นับเป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งของเครือฯ และถือเป็นการตอกย้ำเป้าหมายสำคัญที่บริษัทตระหนักและเร่งหาแนวทางในการทำธุรกิจลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมาโดยตลอด ทั้งนี้เครือซีพีได้มีการประกาศเป้าหมายนำองค์กรสู่การเป็น Net Zero Emission  ภายในปี 2573 พร้อมผลักดันวาระของโลกตามข้อตกลงปารีส ดังนั้นการทำธุรกิจของเครือฯจึงคิดไปพร้อมกับการตั้งเป้าหมายความยั่งยืนในการพัฒนาสินค้า ผลิตภัณฑ์ และบริการให้ผู้บริโภคโดยไม่ก่อผลกระทบในเชิงลบต่อโลก”นายศุภชัย กล่าว

นอกจากนี้เครือซีพียังได้รับการประเมินจาก S&P Global ว่าเป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญในด้านของเศรษฐกิจและธรรมาภิบาล ทั้งการสร้างการมีจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจ การบริหารจัดการความเสี่ยง การพัฒนานวัตกรรม และการยกระดับความปลอดภัยด้านไซเบอร์ ซึ่งเครือซีพีได้รับผลการประเมินในด้านนี้ที่ร้อยละ 73 ในขณะที่มิติด้านสังคม ซึ่งพิจารณาจากการบริหารจัดการบุคลากรของบริษัทอย่างเป็นธรรม เครือซีพีได้ยึดแนวทางอยู่ร่วมกันด้วยความเคารพในความแตกต่างและหลากหลายของพนักงาน การดูแลความเป็นอยู่ที่ดี การอบรมเพื่อให้มีความรู้ การยกระดับสุขภาพและความปลอดภัยของทั้งพนักงาน ผู้รับเหมา และชุมชน รวมไปถึงการป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชนตลอดห่วงโซ่คุณค่า ซึ่งเครือฯได้รับผลการประเมินในด้านนี้ที่ร้อยละ 76

อย่างไรก็ดี การได้คะแนนติด TOP 5%  ในกลุ่มอุตสาหกรรม Industrial Conglomerates เป็นกระจกสะท้อนว่าเครือฯได้บรรลุเป้าหมายไปอีกขั้นในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตควบคู่ไปกับการสร้างความยั่งยืนให้สังคมและประเทศได้ตรงตามทิศทางและเป็นไปตามหมุดหมายที่ตั้งเป้าไว้  ก้าวต่อไปของพนักงานเครือซีพีต้องสร้างความเชื่อว่า ต้องทำมากกว่าเดิม เพื่อให้โลกดีขึ้นกว่าเดิมให้ได้

อนึ่ง สำหรับการจัดอันดับในรายงาน The Sustainability Yearbook 2023 เป็นรายงานที่ได้รับความเชื่อมั่นในกลุ่มนักลงทุนและเป็นที่ยอมรับในระดับโลก  โดยมีบริษัทเข้าร่วมการประเมินรวม  7,800 บริษัทจากทั่วโลก และมีเพียง  708 บริษัทที่ได้รับการคัดเลือกจัดอันดับใน The Sustainability Yearbook 2023  และในปีนี้มีบริษัทไทยเพียง 38  องค์กร ที่ได้รับการจัดอันดับ ซึ่งนอกจากเครือซีพีแล้ว ยังมีบริษัทในเครือฯ ที่ติดอันดับในรายงานดังกล่าว ได้แก่  บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร  บมจ. ซีพี ออลล์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น และบมจ. สยามแม็คโคร