เชียงใหม่เดินหน้านวัตกรรมสตรอเบอรี่

23 พ.ค. 2559 | 04:50 น.
นายอนุสรณ์  พรชัย  ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 1 จังหวัดเชียงใหม่ (สศท.1) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า สตรอเบอรี่ นับเป็นพืชที่ปลูกได้ดีในพื้นที่สูง มีพื้นที่ปลูกมากที่สุดที่ จังหวัดเชียงใหม่ ประมาณ 3,000 ไร่ โดยปลูกมากที่อำเภอสะเมิง มีมูลค่าทางเศรษฐกิจปีละไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท  สายพันธุ์ที่นิยมได้แก่เชียงใหม่พระราชทาน 80 สร้างรายได้ให้เกษตรกรและผู้ประกอบการต่างๆ ในจังหวัดได้จำนวนมาก แต่ปัจจุบัน พบว่า การผลิต  และการตลาดสตรอเบอรี่ มีการใช้สารเคมีเพื่อป้องกันโรคและแมลงเป็นจำนวนมาก ผลผลิตเก็บรักษาไว้ได้ไม่นาน เน่าเสียง่ายทั้งขณะเก็บเกี่ยวและหลังเก็บเกี่ยวที่ไม่เหมาะสม ในขณะที่ความต้องการสตรอเบอรี่ยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก

ดังนั้น สศท.1 จึงได้ร่วมกับหน่วยงานกลุ่มแผนในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ของจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 (เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง และลำพูน) ดำเนินกิจกรรม “พัฒนาคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยวและ Logistic  สตรอเบอรี่ปลอดภัย ในปี 2559” และกิจกรรมส่งเสริม “การผลิตสตรอเบอรี่ปลอดภัยทั้งปีในโรงเรือนแบบปิด ในปี 2560” ภายใต้โครงการยกระดับการพัฒนาสินค้าเกษตรให้ได้มาตรฐานและมูลค่าเพิ่ม

สำหรับกิจกรรมพัฒนาคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยวและ Logistic สตรอเบอรี่ปลอดภัย ในปี 2559 ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณ 1.9 ล้านบาท โดยจัดจ้างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ดำเนินการศึกษาและพัฒนาระบบเพื่อลดการสูญเสียหลังการเก็บเกี่ยว  จัดทำ Precooling ต้นแบบจำนวน 1 เครื่อง ซึ่งสามารถลดอุณหภูมิภายในผลสตรอเบอรี่ จากอุณหภูมิห้องให้ลงต่ำกว่า 15 องศาได้ภายในเวลา 90 นาที  และจัดทำเครื่องต้นแบบในการเคลือบผลสตรอเบอรี่ด้วย วุ้นจำนวน 1 เครื่อง  ซึ่งสามารถยืดอายุการจำหน่ายได้นาน 7-10 วัน เมื่อทำการเก็บรักษาไว้ในอุณหภูมิที่เหมาะสม

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมถ่ายทอดความรู้และแนวทางในการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวและ Logistic ที่เหมาะสมของสตรอเบอรี่แก่เกษตรกรและผู้ที่สนใจ 160 คน  มีการจัดให้ผู้แทนเกษตรกรและเจ้าหน้าที่ได้ไปศึกษาดูงาน   ศึกษาและพัฒนาแผนการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว   โดยจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างน้อย 2 ผลิตภัณฑ์จากสตรอเบอรี่ที่เกิดความเสียหายในระหว่างการขนส่ง และจัดทำฐานข้อมูลการบริหารจัดการหลังการเก็บเกี่ยวและ Logistic

นายอนุสรณ์  กล่าวต่อไปว่า นอกจากการถ่ายทอดความรู้แล้ว ยังมีกิจกรรมการสนับสนุนโรงเรือนแบบปิดปลูกสตรอเบอรี่ได้ทั้งปี จำนวน 2 โรงเรือน ในปี 2560  งบประมาณ 7 ล้านบาท  ซึ่งผ่านการพิจารณาเรียบร้อยแล้ว โดยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จะจัดทำโรงเรือนต้นแบบผลิตสตรอเบอรี่ทั้งปีในระบบรางและระบบอุณหภูมิที่เหมาะสม  ขนาดโรงเรือน 10x40 เมตร  จำนวน 2 โรงเรือน ซึ่งโรงเรือนดังกล่าว จะตั้งอยู่ในพื้นที่สตรอเบอรี่ของอำเภอสะเมิงและในพื้นที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ต้นแบบของเกษตรกรที่สนใจ

ทั้งนี้ คาดว่านวัตกรรมต่าง ๆ ที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาการผลิต และ Logistic  ในสตรอเบอรี่  จะช่วยทำให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นแหล่งผลิตสตรอเบอรี่ชั้นดีทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ที่จะตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค  ในพื้นที่และผู้มาเยือนได้ตลอดทั้งปี รวมถึงการสร้างสรรเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อให้มีการบริโภคในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น เกิดผลดีต่อผู้ผลิต ผู้ค้า ผู้รวบรวม ผู้แปรรูป ผู้บริโภค และนักท่องเที่ยว ที่สำคัญคือ เป็นทางเลือกหนึ่งในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม และสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรอีกด้วย