เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 มาแน่อัด 2 พันล้าน 5.6 แสนสิทธิ์ รอชงครม.

10 ม.ค. 2566 | 00:30 น.

ททท.เปิดแผนอัดฉีดงบ 4 พันล้านบาท กระตุ้นท่องเที่ยวปี 66 ปั๊มรายได้ 2.38 ล้านล้านบาท รอชงครม. ไฟเขียวกัน 2 พันล้านหนุน “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5” จำกัด 5.6 แสนสิทธิ์ แบ่ง 1.98 พันล้าน บูสต์ตลาดต่างชาติ-ไทยเที่ยวไทย

จีนเปิดประเทศเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566 เป็นต้นไป ส่งผลบวกอย่างมากต่อการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวของไทยในปี 2566 โดยในปีนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)ตั้งเป้าหมายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวอยู่ที่ 2.38 ล้านล้านบาท หรือดึงรายได้ท่องเที่ยวคืนมาที่ 80% จากปี 2562 ก่อนเกิดโควิด

 

โดยรัฐบาลเตรียมอัดฉีดงบให้ททท.เพิ่มอีก 4,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นท่องเที่ยวในปีนี้ โดยกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาจะเสนอครม.พิจารณาในวันที่ 10 ม.ค.นี้ หลังจากททท.จัดทำรายละเอียดโครงการมาใหม่แล้วเสร็จ หลังจากก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งในที่ประชุมครม.ว่ารัฐบาลจะสนับสนุนงบให้ได้ 4 พันล้านบาทเท่านั้น จากที่ตั้งโครงการขอไป 8.7 พันล้านบาท

จีนเที่ยวไทยดันต่างชาติปีนี้ไม่น้อยกว่า 25 ล้านคน

 

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ถึงแผนในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในปีนี้ว่าการเปิดประเทศของจีน ทำให้ททท.ได้ประเมินใหม่ว่าในปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยจากเดิมไม่น้อยกว่า 20 ล้านคน เพิ่มขึ้นมาเป็นไม่น้อยกว่า 25 ล้านคน เนื่องจากคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเที่ยวไทยไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน และการเดินทางเที่ยวในประเทศ 180 ล้านคน-ครั้ง หรือเพิ่มขึ้น 10% จากปี 2565 สร้างรายได้รวม 2.38 ล้านล้านบาท

 

ทั้งนี้ในปีนี้ททท.ประเมินว่ารายได้จากการท่องเที่ยวของไทยจะอยู่ตลาดต่างประเทศ 60% หรือราว 1.428 ล้านล้านบาท และตลาดในประเทศอยู่ที่ 40% หรือราว 9.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ซึ่งไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 11.8 ล้านคน สร้างรายได้รวมอยู่ที่ 1.5 ล้านล้านบาท (รายได้จากต่างชาติและการเดินทางเที่ยวในประเทศ)

เป้าหมายการท่องเที่ยว ปี 2566

 

 

กันงบ 4 พันล้านบาทกระตุ้นท่องเที่ยว

 

สำหรับแผนกระตุ้นท่องเที่ยวของททท.นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะเสนอครม. เพื่อพิจารณามาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ภายใต้งบ 4,000 ล้านบาท ซึ่งททท.จะจัดสรรการใช้งบออกเป็น 2 โครงการ ได้แก่

 

1.โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5” วงเงิน 2,016 ล้านบาท โดยรัฐบาลจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายห้องพัก 40% จำนวน 560,000 สิทธิ์ (ห้อง/คืน) จำกัดให้สิทธิ์จองได้สูงสุดคนละ 5 สิทธิ์ (ห้อง/คืน) อี-เวาเชอร์ 600 บาท ซึ่งแต่ละสิทธิ์จะได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลสูงสุด 3,600 บาท

 

โดยเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 จะไม่มีการสนับสนุนค่าใช้จ่ายเรื่องตั๋วเครื่องบิน เหมือนในเฟสอื่นๆที่ผ่านมา และลดการจำกัดสิทธิ์ในการจองเหลือไม่เกินคนละ 5 สิทธิ์ จากเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 ส่วนขยาย ที่เคยให้สิทธิ์คนละไม่เกิน 10 สิทธิ์

 

2. โครงการบูสเตอร์ ช็อต เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ วงเงิน 1,984 ล้านบาท ซึ่งจะดำเนินการใน 4 เรื่องหลัก ได้แก่ การกระตุ้นตลาดต่างประเทศ ,กระตุ้นไทยเที่ยวไทย,การยกระดับสินค้าและบริการท่องเที่ยว และการสื่อสารการตลาดและประชาสัมพันธ์

 

ทั้งนี้การสื่อสารการตลาดในปีนี้ททท.จะใช้โอกาสที่รัฐบาลประกาศต่อเนื่องให้เป็นปีแห่งการท่องเที่ยว ททท.จะมีการจัดงานใหญ่ในวันที่ 22 ม.ค.นี้ นำเสนอโปรดักซ์ไฮไลต์ด้านการท่องเที่ยว ดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยเราจะปรับโฉมการท่องเที่ยวไทยสู่นิวแชปเตอร์ เน้นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ นิซมาร์เก็ต อาทิ กลุ่มรักษาพยาบาล กลุ่มนักท่องเที่ยวที่ต้องการประสบการณ์ใหม่ทำให้การท่องเที่ยวมีความหมาย กลุ่มเจนวาย กลุ่มเบบี้บูมเมอร์ กลุ่มเฮลธ์แอนด์เวลเนส กลุ่ม LTR Visa เน้นให้เกิดการพำนักในไทยนานขึ้น

 

ส่วนการกระตุ้นตลาดในประเทศจะเน้นนำเสนอขายสินค้าท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ และนวัตกรรมที่สร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวที่มีคุณค่า มุ่งกระตุ้นการเดินทางของผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยสู่เมืองรองและเที่ยววันธรรมดาเพิ่มขึ้น

 

เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 อัดฉีดไทยเที่ยวไทย
 

ด้านนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท.กล่าวเสริมว่ามาตรการกระตุ้นเที่ยวในประเทศนอกจากโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ที่จะนำมาใช้กระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงโลว์ซีซันแล้ว ในงบบูสเตอร์ ช็อต ก็จะมีการกันงบไว้ 500 ล้านบาทส่งเสริมไทยเที่ยวไทย อาทิ โครงการ เวเคชั่น 100 เดียวเที่ยวได้งาน ที่จะร่วมมือกับพันธมิตรเสนอขายโปรดักต์ราคา 100 บาท ส่งเสริมให้คนไปเที่ยวและทำงานไปพร้อมๆกัน

 

โครงการ The Link จับคู่ตลาดในประเทศและต่างประเทศ เพื่อนำเสนอโปรดักซ์ที่ในแต่ละตลาดสนใจ เช่น จับคู่ไต้หวัน กับเชียงใหม่ ดึงคนไต้หวันมาเที่ยวเชียงใหม่ โครงการวิจิตร เฟสติวัล เอ็กซ์พีเรียน เน้นจัดแสงสีเสียงกระจาย 5 ภูมิภาค รูปแบบคล้ายๆกับโครงการวิจิตร เจ้าพระยาที่เพิ่งจัดไป รวมถึงการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวที่เกี่ยวกับ Soft Power เป็นต้น

 

“ปีนี้หลายประเทศเปิดรับนักท่องเที่ยว คนไทยจึงเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศได้สะดวกขึ้น ททท.จึงต้องเพิ่มน้ำหนักเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น” นางสาวฐาปนีย์ กล่าวทิ้งท้าย

 

นายยุทธศักดิ์ ยังกล่าวต่อถึงแผนกระตุ้นตลาดต่างประเทศว่าจะเน้นการทำงานร่วมกับพันธมิตรต่างๆ โดยมุ่งผลักดันให้มีการกลับมาเปิดเที่ยวบินเข้าไทยให้ได้อย่างน้อย 80% ของที่เคยบินในปี 62 กระตุ้นให้สายการบินมีอัตราการบรรทุกได้ไม่น้อยกว่า 90% ทำแบรนด์ดิ้งให้ไทยเป็นประเทศที่สามารถเดินทางเที่ยวได้ทั้งปี เพิ่มความถี่ของเที่ยวบินที่ไม่ใช่แค่เฉพาะหน้าไฮซีซันเท่านั้น

 

“เราจะโฟกัสนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นหลังโควิด-19 อาทิ ตลาดนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลาง โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบียรวมถึงอเมริกาเหนือ อย่างแคนาดา นักท่องเที่ยวจากเอเชียใต้ ประกอบกับการเปิดประเทศของจีน ที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.66 ททท.ก็คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน”

 

ทั้งนี้การเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวเดินทางเที่ยวด้วยตัวเอง ( FIT) และด้วยข้อจำกัดของเที่ยวบินระหว่างกัน และจะมีจำนวนหนึ่งที่เดินทางเข้ามาผ่านด้านทางบก เช่น เชียงแสน และหนองคาย (โดยมากับรถไฟความเร็วสูง) คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2566 ราว 3 แสนคน แบ่งเป็น ม.ค. 6 หมื่นคน ก.พ. 9 หมื่นคน มี.ค. 1.5 แสนคน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทยทั้งปีในปี 2565 ที่มีจำนวนราว 2.74 แสนคน นายยุทธศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย

 

เที่ยวบินจึนขยับรับตรุษจีน

 

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่าหลังจากจีนเปิดประเทศเต็มรูปแบบจะมีนักท่องเที่ยวจากจีนไฟล์ทแรกตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค.66 เป็นเที่ยวบินที่มาจากเมืองเซี่ยะเหมิน ราว 200 คน และมีสัญญาณการเพิ่มเที่ยวบินแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะช่วงหลังเทศกาลตรุษจีน

 

ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ

 

นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท.กล่าวว่าท่าทีของไทยกับการเปิดรับนักท่องเที่ยวจีน ผลต่างๆ เป็นบวก เพราะไทยไม่มีการต่อต้านนักท่องเที่ยวจากจีนจะทำเหมือนกันทุกชาติ แต่เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนเมื่อเดินทางกลับไปประเทศ ต้องมีผลตรวจ RT-PCR ไม่เกิน 48 ชั่วโมง จึงกำหนดให้มีการซื้อประกันสุขภาพ เพื่อจะได้มีคนดูแลค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้กระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยว เพราะราคาประกันสุขภาพที่จีนแค่ 400 บาทเท่านั้น

 

ส่วนกรณีการให้วัคซีนแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ว่าจะสัญชาติใดหากต้องการจะรับวัคซีนในไทย แต่จะไม่ให้บริการฟรี เบื้องต้นจะมีค่าใช้จ่ายไม่เกินรายละ 800 บาท ซึ่งทั้งส่วนของรายละเอียดประกันสุขภาพและการให้วัคซีนนี้ กระทรวงสาธารณสุข จะประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประกาศให้ทราบต่อไป