ตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค. 66 หน่วยงานของรัฐทั้งในส่วนราชการ และส่วนงานท้องถิ่น จะต้องรับเอกสาร หรือ หลักฐานอิเล็กทรอนิกส์ ดิจิทัล ทุกรูปแบบ ในการรับจ่ายเงิน หากไม่รับอาจต้องรับผิดว่าจงใจฝ่าฝืนกฎหมาย
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามมาตรา 15 วรรคหนึ่ง ตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 ที่มีบทบัญญัติว่า ในการติดต่อหรือส่งเรื่องถึงกันในระหว่างหน่วยงานของรัฐด้วยกัน ระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐกับหน่วยงานของรัฐ หรือระหว่างประชาชนกับหน่วยงานของรัฐ ถ้าได้กระทำโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ให้ถือว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมาย และใช้เป็นหลักฐานได้ตามกฎหมาย
ทั้งนี้จากที่ พ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ทาง ก.พ.ร. ร่วมกับทาง กฤษฎีกา ได้จัดการประชุมชี้แจงส่วนราชการต่างๆ และหน่วยงานอื่นๆของรัฐ เพื่อสร้างความเข้าใจในการดำเนินการตามกฎหมายฉบับนี้แล้ว ให้มีการเตรียมความพร้อมในทุกๆ หน่วยงานให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติที่กำหนด เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้รับบริการที่สะดวกมากขึ้น
อย่างไรก็ตามเอกสารหลักฐานในรูปแบบ อิเล็กทรอนิกส์ ดิจิทัล สามารถใช้เป็นหลักฐานเบิกจ่ายได้ โดยการตรากฎหมายฉบับนี้ เพื่อลดอุปสรรคทางข้อกฎหมายของการดำเนินงานภาครัฐ และให้เกิดความสะดวกในการให้บริการเป็นหลัก