svasdssvasds
logo-pwa

เพิ่ม thansettakij

ลงในหน้าจอหลักของคุณ

ติดตั้ง
ปิด
thansettakij

ชัดแล้วงบปี 67 วงเงิน 3.35 ล้านล้าน กู้เพิ่ม 5.93 แสนล้านรับรัฐบาลใหม่

27 ธันวาคม 2565

สำนักงบประมาณ แจ้งชัดงบประมาณปี 2567 ครม.รับทราบกรอบวงเงินแล้ว 3.35 ล้านล้านบาท กู้ชดเชยขาดดุล 5.93 แสนล้าน รับรัฐบาลใหม่ ไม่ห่วงยุบสภา พร้อมเตรียมงบพลางก่อน

นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ ได้เห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2567 – 2570) ตามที่ คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เสนอ โดยมีการกำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 หรือ “งบฯปี67” เอาไว้ภายใต้แผนฉบับนี้ด้วย 

 

สำหรับกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 กำหนดวงเงินรายละเอียดเบื้องต้นไว้ที่ 3.35 ล้านล้านบาท ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นมาจากงบประมาณปี 2566 ที่มีวงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 1.65 แสนล้านบาท 

 

ส่วนการขาดดุลงบประมาณในปีงบประมาณ 2567 กำหนดวงเงินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลเบื้องต้นอยู่ที่ประมาณ 5.93 แสนล้านบาท ลดลงจากปีงบประมาณก่อน ซึ่งกำหนดวงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 695,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.88% ของ GDP หรือลดลงประมาณ 1 แสนล้านบาท

“การปรับลดวงเงินการขาดดุลงบประมาณลงในงบประมาณปี 2567 ครั้งนี้ เป็นเจตนาของกระทรวงการคลังที่ต้องการกำหนดวงเงินการขาดดุลลดลงให้ได้ต่ำกว่า 3% ต่อ GDP เพื่อนำไปสู่การจัดทำงบประมาณแบบสมดุลในอนาคต” นายเฉลิมพล กล่าว

 

อย่างไรก็ตามการปรับลดการขาดดุลงบประมาณลงจะส่งผลต่องบทุนต่าง ๆ หรือไม่นั้น นายเฉลิมพล ระบุว่า จะไม่ส่งผลกระทบ เพราะมีการจัดทำงบประมาณเพิ่มขึ้น หลังกระทรวงการคลังประเมินว่าจะจัดเก็บงบรายได้มากขึ้น 

 

ส่วนกรณีรัฐบาลประกาศยุบสภาจะกระทบต่องบประมาณปี 67 แค่ไหนนั้น มองว่า ยังไม่สามารถตอบได้ทั้งหมด เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา เพราะทุกอย่างเดินตามกระบวนการจัดทำงบประมาณทั้งหมด โดยเฉพาะรายจ่ายประจำ และรายจ่ายผูกพันงบประมาณ จะไม่กระทบและเปลี่ยนแปลง

 

“เบื้องต้นการจ่ายงบประมาณปี 67 อาจจะช้าเล็กน้อย แต่ก็มีการเตรียมเรื่องของการใช้งบประมาณปี 2566 ไปพลางก่อนเอาไว้แล้ว เพื่อรองรับการใช้งบประมาณต่อไปได้อีก 6 เดือน คิดเป็น 50% ของวงเงินงบประมาณ หรือประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท โดยงบการลงทุนขนาดใหญ่จะยังทำไม่ได้”

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงรายละเอียดว่า แผนการคลังระยะปานกลาง มีเป้าหมายเน้นการปรับลดขนาดการขาดดุลเพื่อมุ่งสู่การจัดงบประมาณสมดุลในระยะเวลาทีเหมาะสม โดยจะปรับลดขนาดการขาดดุลให้เหลือไม่เกิน 3% ต่อ GDP ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2567 และจะปรับลดขนาดการขาดดุลลงอย่างต่อเนื่อง   

 

สำหรับแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2567-2570) สาระสำคัญ สรุปดังนี้ 

 

1. สถานะและประมาณการเศรษฐกิจ  

  • ปี 2567 คาดว่า GDP ขยายตัว 3.3 - 4.3% อัตราเงินเฟ้อ 1- 2%
  • ปี 2568 คาดว่า GDP ขยายตัว 2.9 - 3.9% อัตราเงินเฟ้อ 1.2-2.2%
  • ปี 2569 คาดว่า GDP ขยายตัว 2.9 - 3.9% อัตราเงินเฟ้อ 1.3-2.3%
  • ปี 2570 คาดว่า GDP ขยายตัว 2.8-3.8% อัตราเงินเฟ้อ 1.4-2.4%  

 

2. สถานะและประมาณการการคลัง

 

ประมาณการรายได้รัฐบาลสุทธิ

  • ปี 2566 คาดรายได้รัฐบาลจำนวน 2.490 ล้านล้านบาท
  • ปี 2567 ประมาณการรายได้จำนวน 2.757 ล้านล้านบาท 
  • ปี 2568 ประมาณการรายได้จำนวน 2.867 ล้านล้านบาท  
  • ปี 2569 ประมาณการรายได้จำนวน 2.953 ล้านล้านบาท 
  • ปี 2570 ประมาณการรายได้จำนวน 3.041 ล้านล้านบาท 

 

ประมาณการงบประมาณรายจ่าย 

  • ปี 2566 งบประมาณรายจ่ายจำนวน 3.185 ล้านล้าบาท 
  • ปี 2567 งบประมาณรายจ่ายจำนวน 3.350 ล้านล้าบาท 
  • ปี 2568 งบประมาณรายจ่ายจำนวน 3.457 ล้านล้าบาท 
  • ปี 2569 งบประมาณรายจ่ายจำนวน 3.568 ล้านล้าบาท 
  • ปี 2570 งบประมาณรายจ่ายจำนวน 3.682 ล้านล้านบาท

 

หนี้สาธารณะต่อ GDP 

  • ปี 2566 อยู่ที่ 60.64%
  • ปี 2567 อยู่ที่ 61.35% 
  • ปี 2568 อยู่ที่ 61.78% 
  • ปี 2569 อยู่ที่ 61.69%
  • ปี 2570 อยู่ที่ 61.25% 

 

นอกจากนี้ ที่ประชุมครม. ยังเห็นชอบกำหนดเป้าหมายนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลางและเป้าหมายในปี 2566 โดยกำหนดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วง 1-3% ซึ่งยังมีความเหมาะสม เนื่องจากการกำหนดเป้าหมายแบบช่วงที่มีกว้าง 2% ทำให้มีความยืดหยุ่นเพียงพอรองรับความผันผวนของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในระยะปานกลาง