เฮ! เติมน้ำมันได้ลดหย่อนภาษี “ช้อปดีมีคืน 2566” ยาว 46 วัน

21 ธ.ค. 2565 | 08:22 น.

“ช้อปดีมีคืน 2566” กระตุ้นท่องเที่ยว พิเศษปีนี้กรมสรรพากร ยอมรับเปิดให้นำค่าใช้จ่ายเติมน้ำมันมาลดหย่อนภาษีได้ด้วย เช็ครายละเอียดเงื่อนไขทั้งหมด รวมไว้ครบที่นี่

ช้อปดีมีคืน 2566” หนึ่งในมาตรการของขวัญปีใหม่ จากกระทรวงการคลัง ซึ่งล่าสุดมาตรการนี้ได้ผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ที่ผ่านมา

 

มาตรการ “ช้อปดีมีคืน 2566” มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาการบริโภคในประเทศ สนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษี รวมถึงส่งเสริมการผลิตสินค้าท้องถิ่นและการอ่าน อีกทั้งยังส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบภาษี และการใช้ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

มาตรการของขวัญปีใหม่ 2566 รัฐบาล

รายละเอียดของมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” ได้กำหนดสินค้าและบริการที่สามารถนำค่าใช้จ่ายมาลดหย่อนภาษีได้พิเศษกว่าทุกปี โดยในรอบนี้ได้เปิดให้สามารถนำค่าใช้จ่ายใน "เติมน้ำมัน" มาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ด้วย

 

โดย นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร ระบุว่า การเปิดให้นำค่าใช้จ่ายเติมน้ำมันมาลดหย่อนภาษีได้นั้น เพราะต้องการบรรเทาภาระของประชาชนเรื่องของภาวะราคาน้ำมันแพง และยังช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว 

 

สินค้าที่มีส่วนต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ คือสินค้ากลุ่มเป้าหมายหลัก คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมมาตรการนี้ประมาณ 1.4 ล้านคน คิดเป็นเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประมาณ 4.2 หมื่นล้านบาท กระทบต่อการจัดเก็บรายได้ภาษี 6,288 ล้านบาท

 

สำหรับเงื่อนไขของการนำค่าใช้จ่าย "เติมน้ำมัน" มาลดหย่อนภาษี “ช้อปดีมีคืน” มีดังนี้

  • เป็นค่าใช้จ่ายจากค่าน้ำมันเชื้อเพลิงรถยนต์ และรถจักรยานยนต์
  • สถานีบริการน้ำมัน ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และออกใบกำกับภาษีได้

 

มาตรการ “ช้อปดีมีคืน 2566” รัฐบาล

เงื่อนไขของมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” กำหนดไว้ดังนี้

  • ให้ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล หักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการเท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการสำหรับการซื้อสินค้าหรือการรับบริการในราชอาณาจักรให้กับผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม 
  • ค่าซื้อหนังสือและค่าบริการหนังสือที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต 
  • ค่าซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว 

 

ระยะเวลา

  • ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 รวม 46 วัน 

 

วงเงินการใช้จ่าย

 

ซื้อสินค้าและบริการสูงสุดไม่เกิน 40,000 บาทต่อราย แบ่งเป็น 

  1. ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ จำนวนไม่เกิน 30,000 บาท จะต้องมีใบกำกับภาษีเต็มรูปในรูปแบบกระดาษ หรือใบกำกับภาษีเต็มรูปในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) ของกรมสรรพากร 
  2. ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ จำนวนไม่เกิน 10,000 บาท จากส่วนที่เกิน (1) จะต้องมีใบกำกับภาษีเต็มรูปในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ของกรมสรรพากรเท่านั้น 

 

ส่วนสินค้าที่ไม่สามารถเข้าร่วมมาตรการได้ มีดังนี้ 

  • ค่าซื้อสุรา เบียร์ และไวน์ 
  • ค่าซื้อยาสูบ 
  • ค่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ 
  • ค่าซื้อหนังสือพิมพ์และนิตยสาร 
  • ค่าบริการจัดนำเที่ยว 
  • ค่าที่พักในโรงแรม 
  • ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า 
  • ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ 
  • ค่าบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ต และค่าบริการสำหรับบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการระยะยาว (ซึ่งเริ่มต้นก่อนวันที่ 1 มกราคม 2566 หรือสิ้นสุดหลังวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 แม้จะจ่ายค่าบริการในช่วงระยะเวลามาตรการ) 
  • ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย

 

มาตรการ “ช้อปดีมีคืน 2566” ของขวัญปีใหม่รัฐบาล