ทายาท ‘ยัสปาล’ เปิดแนวรบตลาด แฟชั่น-ไลฟ์สไตล์อาเซียน

20 พ.ย. 2565 | 22:32 น.

เจนเนอเรชั่น 3 “ยัสปาล” เปิดแนวรบนำทัพธุรกิจมุ่งสู่ “Regional Fashion & Lifestyle Retailer” พร้อมรีล้อนซ์แบรนด์ “Jaspal Home” สร้างโอกาสโตก้าวกระโดดด้วย M&A แบรนด์ฟาสต์แฟชั่นระดับโลก มั่นใจปี 66 โกยยอดขายแตะหมื่นล้าน

ปักหมุดธุรกิจในประเทศไทยมายาวนานถึง 75 ปี สำหรับกลุ่มยัสปาล จากจุดเริ่มต้นการนำเข้าผ้าลินินและเครื่องนอนจากต่างประเทศเข้ามาขายในย่านพาหุรัด ก่อนปรับแนวคิดและหันสร้างแบรนด์ของตนเอง เพราะมองถึงโอกาสและการเติบโตอย่างยั่งยืน กลายเป็นจุดกำเนิด “JASPAL” จนวันนี้ “ยัสปาล” กลายเป็นเบอร์ 1 ในแบรนด์แฟชั่น & ไลฟ์สไตล์ของเมืองไทย

              

โดยมีแบรนด์ภายใต้การดูแลถึง 14 แบรนด์ แบ่งเป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งเอง 9 แบรนด์ ได้แก่ JASPAL, CPS CHAPS, LYN, CC DOUBLE O, Lyn around, Jelly Bunny, Misty Mynx, ROYAL IVY REGATTA และ QUINN และแบรนด์อิมพอร์ตอีก 5 แบรนด์ ได้แก่ FRED PERRY, Melissa, Shoebar, ASICS และ DIESEL

ทายาท ‘ยัสปาล’ เปิดแนวรบตลาด แฟชั่น-ไลฟ์สไตล์อาเซียน               

ชาเลนจ์ของ “ยัสปาล” ในวันนี้คือการพิชิตเป้าหมาย “Regional Fashion & Lifestyle Retailer” ภายใต้การขับเคลื่อนของ 2 ผู้บริหารหนุ่ม “วิเศษ สิงห์สัจจเทศ” และ “ยศเทพ สิงห์สัจจเทศ” เจนเนอเรชั่น 3 ที่พร้อมก้าวเดินอย่างมุ่งมั่น

              

นายวิเศษ สิงห์สัจจเทศ ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มธุรกิจ 1 และนายยศเทพ สิงห์สัจจเทศ ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มธุรกิจ 3 บริษัท ยัสปาล จำกัด ร่วมกันให้สัมภาษณ์ว่า การเดินทางของยัสปาล ที่ครบรอบ 50 ปีในปีนี้ ผ่านจุดเปลี่ยนมาหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็น ต้มยำกุ้ง รวมไปถึงสถานการณ์โควิด แต่ธุรกิจยังคงเดินหน้า

CPS CHAPS

โดยจะเห็นว่าในช่วงที่ผ่านมาแม้จะมีการระบาดของโควิด-19 บริษัทยังคงเดินหน้าด้วยกลยุทธ์ออนไลน์ (Move to Online) พร้อมต่อยอดสู่ออมนิ แชนนอล เพื่อให้เข้ามาเติมเต็ม รองรับลูกค้าทั้ง Chat & Shop, ดีลิเวอรี ส่งสินค้าคอลเลคชั่นใหม่ๆ ให้ลูกค้าดูและทดลองใส่ที่บ้าน เป็นต้น

              

“ช่วงโควิด เราลงทุนพัฒนาเว็บเอง ซึ่งพบว่ามียอดขายเติบโตผ่านช่องทางออนไลน์ถึง 100% แต่หลังเปิดประเทศยอดขายก็ลดลง ขณะที่ร้านสาขากลับมาสูงขึ้น แต่เราก็ยังเดินหน้าต่อเพื่อให้ผสมผสานทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันจนวันนี้มียอดขายออนไลน์ราว 5% ของยอดขายโดยรวม

ยศเทพ - วิเศษ สิงห์สัจจเทศ               

ด้วยเป้าหมายการก้าวขึ้นเป็น Regional Fashion & Lifestyle Retailer แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 “ยัสปาล” จะเดินหน้าแบบรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น การทุ่มงบลงทุนกว่า 500 ล้านบาท สำหรับการทำกิจกรรมการตลาด รวมถึงการลงทุนขยายสาขาใหม่อีก 30 แห่งภายใต้แบรนด์ต่างๆ

 

โดยจะเป็นการขยายสาขาทั้งภายในศูนย์การค้าและนอกศูนย์การค้า อาทิ C.P.S Coffee ในรูปแบบสแตนด์อะโลน โดยสาขาแรกจะเปิดให้บริการที่สุขุมวิท 53 นอกจากนี้ยังปรับปรุงสาขาเดิมที่มีอยู่เพื่อให้สดใส ทันสมัย รวมทั้งการปรับพื้นที่นำเสนอสินค้าใหม่ เช่น Jaspal Home เป็นต้น

JASPAL               

บริษัทมีแผนนำแบรนด์ที่มีศักยภาพที่อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออกไปจำหน่ายในต่างประเทศเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว 11 แบรนด์ ได้แก่ CPS CHAPS, LYN, CC DOUBLE O, Lyn around, Jelly Bunny, FRED PERRY, ASICS, Mango, Super Dry, Champion และ New Era รวม 47 สาขาใน 3 ประเทศ คือ เวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา

              

ทั้งนี้ยังมีอีกหลายแบรนด์ที่อยู่ภายใต้การดูแลของยัสปาลและมองว่ามีศักยภาพ ส่วนการที่บริษัทโฟกัสใน 3 ประเทศข้างต้น เพราะมองว่าตลาดแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ในประเทศเหล่านี้ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เช่น เวียดนาม ซึ่งมีธุรกิจเสื้อผ้ามีมูลค่าราว 5.91 พันล้านดอลลาร์ ใกล้เคียงกับประเทศไทย

 

โดย 97% เป็นตลาดเสื้อผ้ากลุ่ม Non-Luxury จำนวนประชากรมากกว่า 95 ล้านคน และการบริโภคในประเทศมีการขยายตัวต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีข้อกำหนดของเขตการค้าเสรีอาเซียน ทำให้ไทยส่งออกสินค้าโดยไม่มีภาษีนำเข้า จึงเป็นโอกาสของแบรนด์ไทยในการเข้าไปทำตลาด

LYN               

อีกกลยุทธ์ เป็นการจับมือกับพันธมิตรร่วมกันพัฒนาคอลเลคชั่นใหม่ สินค้าใหม่ออกทำตลาด เพื่อแลกเปลี่ยนและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้นำแบรนด์ต่างๆ จับมือคอลลาบอเรชั่นกับแบรนด์ดังหลากหลาย และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี นอกจากนี้บริษัทยังศึกษาและพัฒนาเสื้อผ้าสำหรับเด็ก เพื่อรองรับกลุ่มครอบครัว

 

อย่างไรก็ดีในระยะยาว บริษัทสนใจที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทด้วยการควบรวมกิจการ (M&A) แบรนด์แฟชั่น-ไลฟ์สไตล์ในต่างประเทศ ทั้งยุโรปและเอเชีย ซึ่งที่ผ่านมามีผู้สนใจนำเสนอหลายแบรนด์ แต่บริษัทต้องศึกษาถึงโอกาสและความเป็นไปได้ในการเข้าซื้อกิจการก่อน

  C.P.S Coffee              

นอกจากการสรรหาแบรนด์ใหม่เข้ามาเสริมพอร์ตแล้ว บริษัทยังมีแผนนำแบรนด์ที่มีอยู่กลับมาทำตลาดใหม่ ได้แก่ Jaspal Home ซึ่งเป็นแบรนด์ที่บริษัทในเครือทำมาอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงที่ผ่านมาพบว่า ผู้บริโภคให้ความสนใจในการตกแต่งบ้านมากขึ้น และเลือกซื้อสินค้าตกแต่งบ้านที่มีไลฟ์สไตล์มากขึ้น

 

ดังนั้นจึงมองเห็นเป็นโอกาสในการพัฒนาและนำเสนอให้เข้ากับคอลเลคชั่นเสื้อผ้าที่มีอยู่ จึงเลือกแบรนด์ “Jaspal Home” กลับมารีล้อนซ์อีกครั้ง พร้อมทั้งนำเสนอทั้งเครื่องนอน สินค้าตกแต่งบ้าน ฯลฯ โดยจะนำมาวางจำหน่ายภายในร้านแฟลกชิฟ สโตร์แห่งแรกในปีหน้า

              

รวมทั้งการขยายร้าน LYN Beauty ซึ่งบริษัทต่อยอดมาจากร้าน LYN และใช้เวลาศึกษามานานถึง 3 ปี แต่ต้องเผชิญกับโควิด-19 ทำให้ดีเลย์แผนการขยายสาขาออกไป และเริ่มเปิดให้บริการสาขาแรกในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งจะเดินหน้าขยายด้วยการเปิดจำหน่ายในรูปแบบเคาน์เตอร์ภายในร้าน LYN ที่มีอยู่ในปัจจุบัน

              

สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะมียอดขายกว่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้ที่ใกล้เคียงกับปี 2561-2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการระบาดของโควิด อย่างไรก็ดีหลังโควิดคลี่คลาย สถานการณ์โดยรวมเริ่มกลับมาดีขึ้นทำให้คาดการณ์ว่าตลาดเครื่องแต่งกายในปีนี้จะมีมูลค่าราว 2.13 แสนล้านบาท หรือ 5.94 พันล้านดอลลาร์ เติบโตขึ้น 4.9% ส่วนในปีหน้าคาดว่าจะเติบโต 4-5% ทำให้บริษัทมีโอกาสที่จะมียอดขายโดยรวม 1 หมื่นล้านบาท

 

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,837 วันที่ 20 - 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565