svasdssvasds
logo-pwa

เพิ่ม thansettakij

ลงในหน้าจอหลักของคุณ

ติดตั้ง
ปิด
thansettakij

รู้จัก”ขมิ้น” สมุนไพร Product Champion โอกาสทองเกษตรกรไทย

15 พฤศจิกายน 2565

รู้จัก”ขมิ้น” สมุนไพร Product Champion โอกาสทองเกษตรกรไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารของไทย ชี้ตลาดอินเดีย สหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ นำเข้าสูงสุด

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อํานวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค. ได้ทำการศึกษาและวิเคราะห์โอกาสทางการค้าสินค้าขมิ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง (Product Champion) สามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย ทั้งวัตถุดิบสมุนไพร เครื่องเทศ สารสกัด น้ำมันหอมระเหย อีกทั้งสามารถเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น อาหารและเครื่องดื่ม อาหารเสริม

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อํานวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงร่างกาย และเครื่องสำอาง นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาดูแลรักษาสุขภาพ และสนใจผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ เป็นปัจจัยสำคัญส่งผลให้สมุนไพรเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น

 

รู้จัก”ขมิ้น” สมุนไพร Product Champion โอกาสทองเกษตรกรไทย

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมสมุนไพรได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ สะท้อนให้เห็นจากมูลค่าค้าปลีกสินค้าสมุนไพรที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ข้อมูล Euromonitor International ระบุว่า ในปี 2564 การค้าปลีกสินค้าสมุนไพรในตลาดโลก (Retail Value RSP) มีมูลค่ารวม 53,868 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และตลาดไทยอยู่อันดับที่ 8 ของโลก (รองจากจีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เยอรมนี อิตาลี และไต้หวัน) โดยการค้าปลีกสินค้าสมุนไพรในตลาดไทย มีมูลค่า 1,425.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าในปี 2565 จะมีมูลค่า 1,543.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวที่ 8.31%

รู้จัก”ขมิ้น” สมุนไพร Product Champion โอกาสทองเกษตรกรไทย

ทั้งนี้สถานการณ์การค้าขมิ้นของโลก โดยในปี 2564 การค้าขมิ้นของโลกมีมูลค่า 366.78 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประเทศผู้ส่งออก 3 อันดับแรก ได้แก่  อินเดีย เนเธอร์แลนด์ เวียดนาม โดยไทยเป็นผู้ส่งออกขมิ้น อันดับที่ 15 ของโลก  มีมูลค่าการส่งออก 2.88 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสัดส่วนประมาณ 0.8%  ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของโลก ตลาดส่งออกสำคัญของไทย คือ อินเดีย มีสัดส่วน66.1% ของมูลค่าการส่งออกขมิ้นทั้งหมดของไทย รองลงมา คือ สหรัฐอเมริกา 19.3%  และเนเธอร์แลนด์  6.4%

รู้จัก”ขมิ้น” สมุนไพร Product Champion โอกาสทองเกษตรกรไทย

 สำหรับการนำเข้า ไทยนำเข้าขมิ้นเป็นมูลค่า 1.19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยนำเข้าจากเมียนมา  65.2% ของมูลค่าการนำเข้าขมิ้นทั้งหมดของไทย รองลงมา คือ อินเดีย  29.9%  และอินโดนีเซีย 2.8% ซึ่งการศึกษาโอกาสทางการค้าสินค้าสมุนไพรไทย จะช่วยให้เกษตรกรหรือผู้ประกอบการไทยสามารถปรับตัวหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของตลาด เพื่อเพิ่มโอกาสการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารของไทย

ทั้งนี้ สนค. ได้จัดทำข้อเสนอแนะเพื่อสร้างโอกาสทางการค้าสินค้าสมุนไพร แบ่งเป็น 3 ด้านหลัก ได้แก่ ด้านการเพาะปลูก เมื่อพิจารณาปริมาณการส่งออกและนำเข้าขมิ้นของไทย พบว่า ปี 2564 ไทยส่งออก 1,280.77 ตัน และนำเข้า 2,007.97 ตัน จะเห็นว่าไทยมีความต้องการนำเข้าขมิ้นจากต่างประเทศ จึงเป็นโอกาสให้เกษตรกรไทยปลูกขมิ้นเป็นพืชทางเลือกในการสร้างรายได้ และสามารถทดแทนการนำเข้า รวมทั้งภาครัฐต้องส่งเสริมการปลูกให้ได้มาตรฐาน เช่น มาตรฐานสินค้าเกษตร

รู้จัก”ขมิ้น” สมุนไพร Product Champion โอกาสทองเกษตรกรไทย

การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืชสมุนไพร ส่งเสริมให้เพาะปลูกในจังหวัดที่ดินมีความเหมาะสมสำหรับการปลูกขมิ้น (เช่น อาทิ สระแก้ว กำแพงเพชร และอุดรธานี) ตามระบบแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-map) ส่งเสริมเกษตรกรรวมกลุ่มในลักษณะแปลงใหญ่ และส่งเสริมการปลูกให้ได้ราคาดี เช่น ขมิ้นสายพันธุ์ที่มีสารเคอร์คูมินอยด์สูง ขมิ้นอินทรีย์ ตลอดจนการปรับปรุงพันธุ์เพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพ

ด้านการแปรรูป และการสร้างมูลค่าเพิ่ม สนค. พบว่าราคาส่งออกขมิ้นของไทยมีแนวโน้มลดลง โดยในปี 2564 มีราคาส่งออกเฉลี่ยต่อหน่วยอยู่ที่ 2,244 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน เทียบกับราคาส่งออกเฉลี่ย 5,806 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน และ 4,062 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ในปี 2556 และ 2560

 ดังนั้น ไทยควรศึกษาแนวทางการเพิ่มมูลค่าจากประเทศที่มีราคาส่งออกเฉลี่ยต่อหน่วยสูง อย่าง ญี่ปุ่น 111,313 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน และ สหรัฐอเมริกา 6,373 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน  ซึ่งเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าด้านการเกษตรและเทคโนโลยีการแปรรูป และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการแปรรูปสมุนไพรสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ส่งเสริมการผลิตสารสกัดที่ได้มาตรฐานเพื่อป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรม ส่งเสริมให้มีระบบตรวจสอบย้อนกลับสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค เชื่อมโยงหน่วยงานวิจัยกับเกษตรกรหรือผู้ประกอบการ เพื่อทราบความต้องการจากภาคการผลิตให้ผลงานวิจัยนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ผลักดันให้เกิดการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า ปรับเปลี่ยนจากการส่งออกในรูปแบบวัตถุดิบเป็นสินค้ามีมูลค่าสูง รวมทั้งเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ขมิ้นหรือสมุนไพรแปรรูปอื่น ๆ กับการท่องเที่ยว เช่น ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและความงาม เป็นต้น

ด้านการตลาด เพิ่มช่องทางการตลาดเชิงรุก เชื่อมโยงเกษตรกรกับภาคอุตสาหกรรมและบริการ ใช้ระบบเกษตรพันธสัญญา (Contract Farming) เพื่อความมั่นคงทางรายได้ของเกษตรกร สำหรับด้านการส่งออก ปัจจุบันไทยส่งออกไปอินเดีย เป็นสัดส่วนถึง 66.1%  ไทยจึงควรเพิ่มสัดส่วนการส่งออกไปตลาดอื่น ๆ โดยตลาดที่มีราคานำเข้าเฉลี่ยต่อหน่วยสูง อาทิ นิวซีแลนด์ 7,610 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน สหรัฐอเมริกา 4,755 ดอลลลาร์สหรัฐ/ตัน  แคนาดา 3,940 ดอลลาร์สหรัฐ/ตันซาอุดีอาระเบีย 3,320 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน เยอรมนี  2,585 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน  และเนเธอร์แลนด์ 2,104 ดอลลาร์สหรัฐ/ตันเป็นต้น นอกจากนี้ เกษตรกร ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และผู้ส่งออก ต้องติดตามแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลิตสินค้าให้ตอบสนองความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ

“ขมิ้นของไทยหากได้รับการส่งเสริมที่ดี มีโอกาสในการพัฒนาและสร้างมูลค่าการค้าให้สูงขึ้นได้อีกมาก โดยทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันวิจัย สถาบันการศึกษา ชุมชน และเกษตรกร ต้องบูรณาการการทำงานและให้ความร่วมมือกัน ตั้งแต่การผลิตวัตถุดิบต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำที่แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ รวมถึงสร้างความแตกต่างและสร้างมูลค่าเพิ่มให้ ตลอดจนการเผยแพร่ข้อมูลความรู้ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาสมุนไพรของไทย และเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลกอย่างแข็งแกร่งต่อไป”