ชงรัฐเดินหน้า “เราเที่ยวด้วยกัน-MICE” ปลุกเที่ยวไทยคึกคัก

19 ก.ย. 2565 | 05:55 น.

ชงรัฐเดินหน้า “เราเที่ยวด้วยกัน-MICE” กระตุ้นท่องเที่ยวไทยคึกคัก หลังเปิดประเทศส่งสัญญาณฟื้นตัว “รอยัล คลิฟ โฮเต็ลฯ” เผยอัตราเข้าพักสูงขึ้น ลุ้นสิ้นปีเฉลี่ย 60-70%

นายวิทนาถ วรรธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รอยัล คลิฟ โฮเต็ล กรุ๊ป เปิดเผยว่า ในครึ่งปีหลังภาพรวมการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ทั้งจากนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ  หลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีนโยบาย และ โครงการต่าง ๆ ออกมาเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว เช่น โครงการเราเที่ยวด้วยกัน  ซึ่งเป็นโครงการที่ช่วยให้คนไทยได้มาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น รวมถึงนโยบายการเปิดประเทศ

วิทนาถ วรรธนะกุล

การลดขั้นตอนการเข้าประเทศต่าง ๆ จึงทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยมามากขึ้น โดยพบว่าอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์สูงราว 90% ขณะที่ในวันธรรมดาเฉลี่ยยังต่ำกว่า 50% ทำให้เฉลี่ยโดยรวมมีอัตราการเข้าพักราว 50% ซึ่งยังต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด โดยคาดว่าจนถึงสิ้นปีจะมีอัตราการเข้าพักราว 60-70%  

 

สำหรับข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ นายวิทนาถ  กล่าวว่า  อยากให้หน่วยงานภาครัฐ หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขยายโครงการเราเที่ยวด้วยกันออกไปจนถึงปี 2566 เพื่อกระตุ้นท่องเที่ยว อีกทั้ง ยังช่วยลดภาระให้คนไทยที่ยังได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพที่สูง ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการโรงแรมหลาย ๆ แห่ง ยังต้องพึ่งตลาดไทยเที่ยวไทยช่วงปลายปีนี้ 

ชงรัฐเดินหน้า “เราเที่ยวด้วยกัน-MICE” ปลุกเที่ยวไทยคึกคัก

“เชื่อว่าโครงการเราเที่ยวด้วยกันจะช่วยกระตุ้นเรื่องการท่องเที่ยว ยิ่งกำลังเข้าเทศกาลจะผลักดันให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวคึกคักขึ้น นอกจากนี้รัฐควรส่งเสริมเรื่อง MICE ทั้งองค์กรไทยและต่างชาติ อาจเป็นทางเงินสนับสนุนเพื่อมาช่วยให้งานจัดขึ้นได้ช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย สนับสนุนต่างชาติที่มาจัดงาน MICE ถ้าต่างชาติเข้ามาเยอะขึ้นก็จะส่งส่งผลให้ธุรกิจอื่นได้ผลประโยชน์ไปด้วย

 

สุดท้าย คือ การทำแผนการตลาดเพื่อโปรโมทเมืองพัทยา สร้างภาพลักษณ์ใหม่ เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกเดินทางมาท่องเที่ยวพัทยา สร้างให้เมืองพัทยาเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับครอบครัว  กีฬา รวมถึงการประชุม MICE ด้วย”

ชงรัฐเดินหน้า “เราเที่ยวด้วยกัน-MICE” ปลุกเที่ยวไทยคึกคัก

ทั้งนี้พบว่า กลุ่มผู้เข้าพักโรงแรม แบ่งเป็นคนไทย 75%  และต่างชาติ 25% เป็นกลุ่มยุโรปและอินเดีย 15%และอีก 10% เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวโซนอาเซียน (AEC) อาทิ สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม ฯลฯ  10% ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย และจีน ลดลงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา