มรสุมถล่ม ‘เครื่องใช้ไฟฟ้า’ ต้นทุนพุ่ง-แบรนด์จีนทะลัก

10 ก.ค. 2565 | 02:00 น.

ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้ากระอักเจอมรสุมรุมเร้า ทั้งต้นทุนสินค้าพุ่ง 15-20% แบรนด์จีนทะลักยึดช่องทางอีคอมเมิร์ซ หั่นราคาขายถูกกว่า 50% ผนวกเงินเฟ้อ กำลังซื้อลด ทำคนรัดเข็มขัด วอนรัฐตรวจสอบคุมเข้มมาตรฐาน

นายพิชเยนทร์ หงษ์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ภาพรวมของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าซึ่งมีมูลค่ากว่า 8.6 หมื่นล้านบาทในปีที่ผ่านมายังมีการเติบโตเล็กน้อย ขณะที่ในกลุ่มตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็กซึ่งมีสัดส่วนราว 20%

 

หรือคิดเป็นมูลค่าราว 2 หมื่นล้านบาทมีการเติบโตไม่ถึง 2% ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาการระบาดของโควิด-19 กลายเป็นตัวเร่งให้เกิดดิจิทัล ทรานฟอร์เมชั่นส์ จากพฤติกรรมลูกค้าที่หันไปเลือกซื้อสินค้าในช่องทางออนไลน์ ทำให้สัดส่วนยอดขายผ่านอีคอมเมิร์ซเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

 

อย่างไรก็ดีจะพบว่า สินค้าที่ขายผ่านช่องทางออนไลน์ไม่ได้มาตรฐาน โดยส่วนใหญ่เป็นสินค้าจีน ทั้งที่จำหน่ายโดยตรงจากประเทศจีนรวมไปถึงบริษัทจีที่เข้ามาตั้งในเมืองไทย และนำสินค้าราคาถูก ไม่ได้มาตรฐานมาจำหน่าย

พิชเยนทร์ หงษ์ภักดี

“วันนี้มีเครื่องใช้ไฟฟ้าจีนทะลักเข้ามามาก หากนำสินค้าเหล่านี้มาแกะดู จะเห็นว่าอันตรายมาก และมีความเสี่ยงสูง โดยมีวางจำหน่ายทั้งในตลาดนัด รวมไปถึงช่องทางออนไลน์ทั่วไป ด้วยจุดขายที่มีราคาถูกกว่าถึง 50% ทำให้ประชาชนซื้อได้ง่าย ดังนั้นอยากให้ภาครัฐ หน่วยงานที่กำกับดูแล เข้าไปตรวจสอบและให้ความรู้แก่ผู้บริโภค ว่าสินค้าที่ได้มาตรฐานเป็นอย่างไร และไม่ได้มาตรฐาน อันตรายมากน้อยแค่ไหน”

 

อีกปัญหาที่พบคือ ต้นทุนราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้น ทั้งในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ต่างๆ ที่ปัจจุบันพบว่ามีต้นทุนสูงขึ้น 15-20% จากต้นทุนวัตถุดิบ รวมไปถึงค่าพลังงานที่สูงขึ้น ถือเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมากสุดในรอบ 15 ปี ที่บริษัทเปิดทำการ ขณะที่บริษัทเองไม่สามารถปรับราคาสินค้าขึ้นได้ ด้วยการแข่งขันที่สูง และผู้บริโภคเองยังไม่พร้อมจ่าย จึงต้องปรับกลยุทธ์การทำตลาด ให้สอดรับโดยเฉพาะในครึ่งปีหลัง

 

“ครึ่งปีแรกคนกลัวโควิดและยังมีปัจจัยรุมเร้ามาก ทั้งวิกฤตเงินเฟ้อ บริษัทปิดตัว ภาวะว่างงาน ซึ่งส่งผลต่ออารมณ์ ความรู้สึกของผู้บริโภค เศรษฐกิจไม่หมุนเวียน ทำให้หลายคนระมัดระวังเรื่องการใช้จ่าย และเลือกที่จะรัดเข็มขัด”

มรสุมถล่ม ‘เครื่องใช้ไฟฟ้า’ ต้นทุนพุ่ง-แบรนด์จีนทะลัก

สำหรับในครึ่งปีหลัง บริษัทเตรียมแผนรองรับ โดยเน้นการบริหารจัดการต้นทุนเพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ ขณะเดียวกันก็เดินหน้าด้านการตลาดเพื่อสร้างยอดขายให้เติบโต โดยในครึ่งปีหลังจะนำเสนอสินค้าคอลเลคชั่นใหม่ออกสู่ตลาดอีก 20 ไอเท็ม หลังจากที่จับมือเป็นพันธมิตร

 

นำคาแรคเตอร์แก๊งค์ PEANUTS มาร่วมทำแคมเปญ “anitech x PEANUTS” เปิดตัว Collection Snoopy บนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อาทิ ปลั๊กไฟ คีย์บอร์ด เมาส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ฯลฯ รวมไปถึง โปรดักส์ Health & Hygiene ของ Lab+ Series ที่อยู่ภายใต้แบรนด์แอนิเทค เพื่อขยายตลาดกลุ่มวัยรุ่น

มรสุมถล่ม ‘เครื่องใช้ไฟฟ้า’ ต้นทุนพุ่ง-แบรนด์จีนทะลัก               

“บริษัทมีแผนขยายกลุ่มเป้าหมายในกลุ่มวัยรุ่น โดยทุ่มงบกว่า 20 ล้านบาทในการทำแคมเปญ “anitech x PEANUTS” ซึ่งจะได้ลิขสิทธิ์เป็นเวลา 1 ปี ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ในทุกผลิตภัณฑ์ของแอนิเทค โดยคาดว่าแคมเปญนี้จะสร้างยอดขายไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาทและต่อยอดสู่หน่วยธุรกิจใหม่ และเป็น New S-Curve ใหม่ให้กับบริษัทในอนาคต

 

หลังเปิดบริการมาบริษัทมียอดขายแล้วกว่า 10 ล้านชิ้น และล่าสุดบริษัทได้เข้าร่วมลงทุนและพัฒนาแพลตฟอร์ม แอนิเวิร์ส เมตาเวิร์ส เมื่อไตรมาส 1 ที่ผ่านมา และขยายแผนกซอฟท์แวร์ของบริษัท โดยได้พัฒนาซอฟท์แวร์ให้ทั้งภาครัฐและเอกชนรวมถึงแอปของบริษัทเองอย่าง anitech IoT ปัจจุบันมีนักพัฒนาซอฟท์แวร์หลายสิบคนเพื่อเดินหน้าสู่การเป็น tech company แบบครบวงจร”

              

นายพิชเยนทร์ กล่าวอีกว่า ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เป็นช่วงของ wait & see แต่จากการศึกษาตลาดทำให้รู้ว่า ผู้บริโภคมีพฤติกรรมอย่างไร เปลี่ยนแปลงอย่างไร และต้องการอะไร วันนี้ตลาดอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ยังโต ตลาดมีดีมานด์ ขณะที่คู่แข่งหายไปเยอะ ในครึ่งปีหลังบริษัทเตรียมล้อนซ์สินค้าใหม่ออกสู่ตลาดพร้อมรุกขยายช่องทางจำหน่ายทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ทำให้เชื่อมั่นว่าปีนี้จะมียอดขายที่เพิ่มขึ้นและมีกำไรอย่างแน่นอน