125 โรงแรมอ่วมทัวร์รัสเซีย เบี้ยวหนี้ค้างค่าห้องพักร่วม 625 ล้านบาท

06 มิ.ย. 2565 | 05:40 น.

125 โรงแรมอ่วมถูกบริษัททัวร์รัสเซียเบี้ยวหนี้ค้างจ่ายค่าห้องพัก กว่า 625 ล้านบาท ร้องรัฐบาลบิ๊กตู่ ประสานทางการรัสเซีย ช่วยทวงหนี้ ทั้งรุกหาตลาดอื่นทดแทนรับเปิดประเทศเต็มรูปแบบดันตลาดเริ่มฟื้น หลังนักท่องเที่ยวรัสเซียชะงักจากสงคราม

แหล่งข่าวระดับสูงจากสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่าสมาคมโรงแรมไทย ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการโรงแรม เนื่องจากประสบปัญหาการค้างชำระเงินค่าห้องพัก ตามสัญญาจากบริษัทนำเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะตลาดรัสเซีย 

 

อันเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 มาตั้งแต่ปี 2563 ถึงปัจจุบัน และต่อเนื่องมาด้วยสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซียและยูเครนนั้น ส่งผลกระทบด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการโรงแรมเป็นอย่างมาก และมีแนวโน้มว่าปัญหานี้จะไม่สามารถแก้ไขได้ในระยะเวลาอันสั้น

ดังนั้นสมาคมโรงแรมไทยจึงได้ออกเซอร์เวย์สโดยแจ้งให้โรงแรมสมาชิกแต่ละแห่งรวบรวมข้อมูลยอดค้างจ่ายที่เกิน 60 วัน เพื่อสมาคมฯจะได้รวบรวมข้อมูลเพื่อหารือกับรัฐบาลไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางช่วยเหลือผู้ประกอบการโรงแรมต่อไป

 

125 โรงแรมอ่วมทัวร์รัสเซีย เบี้ยวหนี้ค้างค่าห้องพักร่วม 625 ล้านบาท

 

ทั้งนี้จากผลเซอร์เวย์ได้ข้อมูล ณ ขณะนี้ว่ามีโรงแรมที่ได้รับผลกระทบจากหนี้ค้างชำระรวมถึง 125 โรงแรม ตั้งแต่ระดับ 3-5 ดาวมียอดค้างชำระเงินค่าห้องพักมากถึง 625 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงแรมที่อยู่ในภาคใต้ โดยเฉพาะภูเก็ต  และพัทยา 

 

การค้างชำระหนี้ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะบริษัททัวร์รัสเซีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทัวร์กรุ๊ปนำนักท่องเที่ยวรัสเซียเดินทางเข้าไทยผ่านเที่ยวบินเช่าเหมาลำหรือชาร์เตอร์ไฟลท์ โดยนักท่องเที่ยวจ่ายค่าที่พัก และมีการเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยแล้วในช่วงก่อนเกิดโควิดไปแล้ว

แต่พอเกิดโควิด-19 ตั้งแต่ปี2563 บริษัททัวร์รัสเซีย ก็ไม่ได้โอนเงินจ่ายที่ค่าพักให้โรงแรม ตามสัญญาเครดิต เทอม ที่ตกลงกันไว้ เนื่องจากนำเงินไปหมุนใช้ก่อน และเมื่อโควิด-19 ยืดเยื้อ ต่อด้วยการเกิดสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้จึงค้างหนี้มานานถึงปัจจุบันแต่ละโรงแรมมียอดหนี้ค้างชำระบางแห่งอยู่ที่ 3-5 ล้านบาทต่อแห่ง และบางแห่งก็สูงถึงหลัก 10 ล้านบาท

 

โดยเฉพาะโรงแรมในพื้นที่กะตะ กะรน ของภูเก็ต ส่วนใหญ่จะได้รับผลกระทบมากสุดโดยมียอดค้างค่าที่พักไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการค้างชำระของบริษัททัวร์รายใหญ่ของรัสเซีย ในส่วนที่เปิดให้บริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำเข้ามา อย่างบริษัทเปกัส

 

ทั้งนี้หลังการรวบรวมข้อมูลดังกล่าว ทางสมาคมโรงแรมไทยจะทำเรื่องเสนอไปยังนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึงนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอให้รัฐบาล ประสานไปยังประเทศรัสเซีย เพื่อขอให้ทางการรัสเซีย ช่วยเร่งรัดให้บริษัททัวร์รัสเซีย จ่ายค่าห้องพักที่ค้างไว้ เพราะเป็นเวลาหลายปีแล้ว

 

ขณะที่การเดินทางของนักท่องเที่ยวรัสเซียเข้าไทยก็ชะงักไป หลังจากเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งผู้ประกอบการก็ต้องปรับหาตลาดอื่นเข้ามาทดแทน ไม่ว่าจะเป็น ตลาดอินเดีย ตลาดตะวันออกกลาง โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบีย นักท่องเที่ยวเอเชีย ที่หลายประเทศมีการเปิดการท่องเที่ยวแล้ว

 

รวมไปถึงการทำตลาดยุโรปสำหรับการเดินทางมาเที่ยวไทยในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งภาพรวมของนักท่องเที่ยวมีการปรับตัวที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นับจากรัฐบาลออกประกาศยกเลิกการเดินทางเข้าไทยแบบ Test & go เปิดประเทศเต็มรูปแบบ

 

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จากไทม์ไลน์ “เปิดประเทศเต็มรูปแบบ 1 มิ.ย.2565” แนวโน้มการท่องเที่ยวฟื้นตัวดีต่อเนื่อง ทำให้ ททท.ปรับคาดการณ์ว่าตลอดเดือน พ.ค.นี้ ในช่วงโลว์ซีซั่น 5 เดือน ตั้งแต่ พ.ค.-ก.ย. มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยไม่น้อยกว่า 5 แสนคนต่อเดือน

 

สูงกว่าเป้าหมายก่อนหน้านี้ที่เคยตั้งไว้ 3 แสนคนต่อเดือน และในไฮซีซั่นซึ่งตรงกับไตรมาส 4 ของปี ตั้งแต่ ต.ค.-ธ.ค. มีนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อยกว่า 1 ล้านคนต่อเดือน

 

เมื่อรวมกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วง 4 เดือนแรก ม.ค.-เม.ย.ที่มียอดตุนไว้แล้ว 4.44 แสนคน ประเมินว่าแนวโน้มตลอดปี 2565 มีโอกาสไปถึงเป้าหมายดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ 7-10 ล้านคน ขณะที่ตลาดนักท่องเที่ยวไทยตั้งเป้าที่ 160 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้รวมการท่องเที่ยวปี 2565 ที่ 1.5 ล้านล้านบาท คิดเป็นการฟื้นตัว 50% เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนเจอวิกฤตโควิด-19

 

อีกทั้งททท.ตั้งเป้าหมายการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวไทยปี 2565 เห็นโรงแรมที่พักทั่วประเทศมีอัตราการเข้าพัก 50% สูงกว่าค่าเฉลี่ย 28% ซึ่งเป็นจุดวิกฤตที่ทำให้โรงแรมที่พักได้จุดคุ้มทุน พร้อมฟื้นอัตราการขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) ให้ได้ไม่น้อยกว่า 70% ภายใต้การฟื้นตัวของปริมาณที่นั่งผู้โดยสาร (Capacity) ของเที่ยวบินในประเทศที่ 50% เทียบกับปี 2562