"อพท." ผนึก "ยูเนสโก" หนุนเส้นทางท่องเที่ยวมรดกโลกทางพระพุทธศาสนา

04 เม.ย. 2565 | 11:26 น.

อพท. ผนึก ยูเนสโก หนุนเส้นทางท่องเที่ยวมรดกโลกทางพระพุทธศาสนา เดินหน้าจัดอบรมอบรมเชิงปฏิบัติการ การเล่าเรื่องผ่านสื่อดิจิทัลสำหรับแหล่งมรดกโลก หวังยกระดับนักสื่อความหมายท้องถิ่นสู่โลกดิจิทัล

ดร. ชุมพล  มุสิกานนท์ รองผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.)  ผู้แทน น.อ. อธิคุณ  คงมี ผู้อำนวยการ อพท. เปิดเผยว่า อพท. ได้ดำเนินการร่วมกับ องค์การยูเนสโกจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การเล่าเรื่องผ่านสื่อดิจิทัลสำหรับแหล่งมรดกโลก (Workshop on Digital Storytelling For World Heritage Sites) 

 

ทั้งนี้ เพื่อต้องการให้มัคคุเทศก์เชี่ยวชาญมรดกโลก และชุมชนท่องเที่ยวที่เข้าร่วมอบรม ได้รับประโยชน์จากข้อมูลและประสบการณ์จากสื่อสมัยใหม่ และสามารถนำกลับไปพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้เกี่ยวกับเส้นทางมรดกโลกทางพระพุทธศาสนาของชุมชนตนเองได้ในระดับสากล

 

โดยทั้ง อพท. และ ยูเนสโก เล็งเห็นความสำคัญของการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม และการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เพื่อให้มรดกโลกทางพระพุทธศาสนาได้รับการอนุรักษ์ พัฒนาต่อยอดต่อไปในอนาคต โดยการประสานความร่วมมือกับหลายภาคส่วน เพื่อมุ่งผลสัมฤทธิ์อย่างยั่งยืน สร้างสรรค์กิจกรรมที่ประทับใจในรูปแบบที่สืบสาน ประเพณี วัฒนธรรม วิถีชีวิตท้องถิ่น 

และมุ่งมั่นทำนุบำรุงรักษาไว้ซึ่งสิ่งอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะด้านที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา และร่วมสร้างสรรค์การผลิตสื่อส่งเสริมพระพุทธศาสนา เพื่อเป็นการต่อยอดองค์ความรู้สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

 

ดร. ชุมพล ยังกล่าวอีกภายใต้การบรรยายหัวข้อ การท่องเที่ยวเชิงศาสนาภายใต้แผนงานการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของ อพท. ด้วยว่า การท่องเที่ยวเชิงศาสนามีความแตกต่างจากการท่องเที่ยวเชิงนันทนาการโดยทั่วไป ตรงที่เน้นการต่อยอดคุณธรรมและยกระดับจิตใจ โดยยกตัวอย่าง แหล่งท่องเที่ยวถ้ำนาคา ที่กำลังอยู่ในกระแสนิยมของนักท่องเที่ยวในขณะนี้   

 

อพท. ผนึก ยูเนสโก หนุนเส้นทางท่องเที่ยวมรดกโลกทางพระพุทธศาสนา

 

นักท่องเที่ยวต้องการที่จะเดินทางไปยังสถานที่ดังกล่าว ทำให้แต่ละวันถ้ำนาคา ต้องรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เกิดปัญหาเรื่อง Overtourism คือ มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากเกินกว่าศักยภาพของพื้นที่ จึงจำเป็นต้องมีการจัดการอย่างเหมาะสม  

นอกจากนี้ ยังควรสร้างคุณค่าให้นักท่องเที่ยวได้ประโยชน์จากการเดินทางไปถึง โดยควรส่งเสริมให้เป็นเส้นทางท่องเที่ยวเชิงศาสนา เชื่อมโยงเนื้อหาและเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนากับสถานที่ให้มีมากขึ้น

 

ดร. เซือง บิ๊ก ฮั่นท์ หัวหน้าแผนกวัฒนธรรม ยูเนสโก สำนักงานกรุงเทพ  กล่าวว่า กิจกรรมนี้อยู่ภายใต้ โครงการเส้นทางมรดกโลก (World Heritage Journey) ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2561 โดยศูนย์มรดกโลกของยูเนสโก และ แนชันนัล จีโอกราฟิค ร่วมกันดำเนินการเพื่อส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในแหล่งมรดกโลก 

 

และต่อมาได้ขยายขอบเขตจากยุโรป มาสู่ภูมิภาคเอเชียใต้ และเอเชียอาคเนย์ โดยเป็นการสื่อความผ่านเส้นทางที่พาดผ่านแหล่งมรดกทางพระพุทธศาสนา สำหรับการดำเนินการในประเทศไทย จะครอบคลุมแหล่งมรดกโลก 2 แหล่ง คือ เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร และนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา

 

ท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน กรมศิลปากร  ชี้แนะว่า การศึกษาประวัติศาสตร์ และเอกสารประวัติศาสตร์ จะทำให้เกิดมุมมองใหม่ๆ ที่แตกต่างจากการบอกเล่าเรื่องราวทั่วไป เพราะมีมุมมองเกร็ดความรู้มุขปาถะ (Oral Storytelling) ที่น่าจดจำ และแสดงความเป็นเอกลักษณ์ตัวตนของบุคคลได้ดีกว่า ตัวอย่างโครงการที่เคยมีประสบการณ์ ได้แก่ โครงการวังหน้านิรมิต ที่บอกเล่าเรื่องราวของโขน กับศิลปินแขนงต่างๆ

 

นายไมเคิล เทอเทิล (Michael Turtle) นักเขียนแนวท่องเที่ยวของยูเนสโก กล่าวในการบรรยายหัวข้อ การท่องเที่ยวและการเขียนเพื่อสื่อโซเซียล ว่า เทคนิคการเล่าเรื่องนั้น ต้องชวนให้คิด และน่าติดตาม โดยมีเป้าหมายผู้รับสารที่เจาะจงเฉพาะกลุ่ม มีเนื้อหา และน้ำเสียงที่ตรงตามวัตถุประสงค์ 

 

ซึ่งนอกจากจะบรรยายสิ่งที่เห็น บุคลิกของสถานที่ (Personality of sites) และเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ต้องสื่อสารด้วยว่ารู้สึกอย่างไร มีความเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของท้องถิ่นอย่างไร และสิ่งที่เห็นนั้นสร้างแรงบันดาลใจอะไรบ้าง  

 

โดยสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้นักท่องเที่ยวสนใจ คือ การแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวของท้องถิ่น (Local Attractions) และประสบการณ์หรือกิจกรรมที่คนท้องถิ่นควรนำเสนอให้นักท่องเที่ยวได้ทำได้สัมผัส (Local Experience) ทั้งสองสิ่งที่กล่าวมาจะช่วยสร้างคุณค่า (Value) ให้กับนักท่องเที่ยวได้มากกว่าค่าโดยสารเครื่องบินที่จ่ายไป