อัดแพ็กเกจล่อ คนไข้ต่างชาติ อาหรับ-CLMV พุ่ง

04 ก.พ. 2565 | 04:10 น.

โรงพยาบาลเอกชนเผย “เปิดประเทศ” ดึงคนไข้ต่างชาติทยอยเข้าใช้บริการเพิ่ม พบทั้งกลุ่มตะวันออกกลาง CLMV เร่งปรับแผนเพิ่มแผนกรักษาโรคเฉพาะทาง แพ็กเกจตรวจสุขภาพ แพทย์ ล่ามภาษา เตรียมพร้อมรองรับลูกค้าเพิ่ม

นางศิริญา เทพเจริญ กรรมการบริหาร บริษัท เวิลด์ เมดิคอล อัลไลแอนซ์ (ประเทศไทย) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ตั้งแต่เปิดประเทศ 1 พ.ย. 2564 มีคนไข้ต่างชาติเดินทางเข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาลพานาซีเพียงเล็กน้อย โดยกลุ่มหลักเป็นคนไข้จากประเทศบังคลาเทศ ซึ่งอุปสรรคส่วนใหญ่ยังคงเป็นเรื่องของการเดินทางเพราะประเทศไทยยังไม่เปิดเที่ยวบินตรงในหลายเส้นทาง ทำให้คนที่ตั้งใจเข้ามารับการรักษาต้องบินไปที่สิงคโปร์ก่อนบินเข้าไทยอีกครั้งซึ่งใช้เวลามากกว่า 20 ชั่วโมง

 

สำหรับปีนี้คาดว่าสถานการณ์การเข้ามารับการรักษาของคนไข้ต่างชาติในไทยน่าจะดีขึ้นกว่าปีก่อนเพราะแต่ละประเทศมีการฉีดวัคซีนหรือมีการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้แล้ว ประเทศที่มีการแพร่ระบาดยังมีการเดินทางได้อยู่ไม่ได้มีการล็อกดาวน์หรือห้ามเดินทาง แต่ก็ต้องดูสถานการณ์การแพร่ระบาดโอมิครอนช่วงนี้ก่อนว่ารุนแรงและแพร่ระบาดมากแค่ไหนส่วนการเปิดประเทศก็อยู่ที่รัฐบาลจะเปิดให้คนเข้ามาได้หรือไม่

ศิริญา เทพเจริญ

“การรับคนไข้ต่างชาติเข้ามารักษาคาดว่า กลุ่มแรกที่จะเข้ามาคือกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านใกล้ๆ เราที่ใช้เวลาบิน 1-2 ชั่วโมงเป็นเฟสแรก เช่น กัมพูชา เมียนมา บังกลาเทศ อาหรับ ดูไบ เป็นต้น ซึ่งเขาคุ้นเคยกับการมารักษาที่บ้านเราอยู่แล้ว ส่วนความพร้อมในการรับมือคนไข้ต่างชาติ

 

ปัจจุบันโรงพยาบาลเปิดแผนกหลอดเลือดหัวใจโดยไม่ต้องผ่าตัด และแผนกที่เปิดเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวล่าสุดคือ แผนกมะเร็งโดยใช้ธรรมชาติรักษาไม่ว่าจะเป็นสเต็มเซลล์, สมุนไพร, IV vitamin ซึ่งใช้สารจากเยอรมนีบวกด้วยกัญชาของประเทศไทยเป็นหลัก เพราะตอนนี้เทรนด์การรักษามะเร็งโดยใช้กัญชากำลังตื่นตัว และจะเป็นตัวที่รองรับคนไข้ต่างชาติที่จะทำให้พานาซีแตกต่างจากที่อื่น”

 

ด้านนพ.สันติ เอื้อนรเศรษฐ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต กล่าวว่า ภาพรวมของคนไข้ต่างชาติมีแนวโน้มสูงขึ้นหลังจากที่เปิดประเทศ เพราะปัจจุบันโรงพยาบาลวิมุตเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น มีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติราว 5% ของลูกค้าทั้งหมด โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Expat ในบริษัทต่างชาติ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่สถานทูตจากประเทศต่างๆ และหอการค้านานาชาติ สำหรับกลุ่ม Medical Tourism อาจจะยังไม่ได้เข้ารับบริการเป็นจำนวนมากนัก เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงไม่แน่นอนในไตรมาสแรกของปีนี้ ทำให้การเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวมีการชะลอตัว

 

ทั้งนี้รพ.วิมุตได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับผู้ป่วยต่างชาติ โดยมีบุคลากรทางการแพทย์ มีเจ้าหน้าที่ประสานงาน ฝ่ายบริการลูกค้าที่มีความสามารถทางภาษา หรือล่ามภาษาอื่นๆ ในกรณีที่มีความจำเป็น นอกจากนี้ ยังมีบริการประกันต่างประเทศ ที่มีทีมเฉพาะกิจทำหน้าที่ประสานงานในกรณีที่เข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน ปัจจุบันมีผู้ป่วยต่างชาติติดโควิด-19 ทางรพ.วิมุตก็พร้อมดูแลรักษาด้วยเช่นกัน โดยได้จัดเตรียม Hospitel เพื่อรองรับในกรณีเตียงของรพ.เต็ม พร้อมมีบริการรถรับส่งสำหรับลูกค้าที่มีความต้องการ

โรงพยาบาลวิมุต

“รพ.วิมุตพยายามผลักดันให้เป็นที่รู้จักของลูกค้า โดยเน้นกลุ่มประเทศแถบเอเชียและกลุ่ม CLMV ในขณะที่ปัจจุบันลูกค้าต่างชาติที่เข้ารับบริการอันดับหนึ่งได้แก่ จีน รองมา คือ ไต้หวันและอินโดนีเซีย นอกเหนือจากนี้จะเป็นกลุ่มลูกค้าอเมริกา อังกฤษ เป็นต้น”

 

ขณะที่นายสิริ ยุทกาศผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์นานาชาติ โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ กล่าวว่า นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ทำให้จำนวนลูกค้าต่างชาติลดลง โดยในปี 2563 โรงพยาบาลต้องเน้นให้คำปรึกษาทางการแพทย์กับคนไข้เก่าผ่านระบบออนไลน์ โดยเฉพาะคนไข้กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นลูกค้าหลัก ไม่ว่าจะเป็นคูเวต กาต้าร์ โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ซาอุดิอาระเบีย และกลุ่ม CLMV

สิริ ยุทกาศ

อย่างไรก็ดีหลังรัฐบาลเปิดประเทศมีกลุ่มลูกค้าต่างประเทศทั้งคนไข้เก่าและคนไข้ใหม่ เริ่มติดต่อเข้ามาอีกครั้งอย่างต่อเนื่อง โดย 1 เดือนแรกพบว่ามีรายได้จากกลุ่มลูกค้าชาวตะวันออกกลาง และกลุ่ม CLMV กลับมาเกือบ 100% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ทำให้คาดว่าในไตรมาส 4/2564 จะมีลูกค้าเพิ่มมากขึ้นและมีรายได้ที่มาจากคนไข้ชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

 

ทั้งนี้ในต้นปี 2565 โรงพยาบาลได้จัดทำแพ็กเกจสำหรับลูกค้าชาวต่างชาติ เช่น แพ็กเกจตรวจสุขภาพ Comprehensive Program ในราคา 9,000 บาท แพ็กเกจตรวจกระดูกและข้อ รวมทั้งระบบประสาทและสมองด้วย MRI ราคา 7,900 บาท และแพ็กเกจตรวจระบบทางเดินอาหาร พร้อมส่องกล้องกระเพาะอาหาร ราคา 12,000 บาท เพื่อหวังสร้างรายได้และดึงคนไข้เป้าหมายให้เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น

 

“หลังรัฐบาลเปิดประเทศ กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่หายไปก็เริ่มทยอยกลับมาด้วยความเชื่อมั่นในมาตรฐานคุณภาพการรักษาระดับสากล จึงเชื่อว่าธุรกิจโรงพยาบาลจะกลับมาเติบโตได้ต่อเนื่องในระยะยาว”