“พาณิชย์”ถกทางไกลกับจีน เร่งลดอุปสรรคการค้า

21 พ.ค. 2564 | 06:31 น.

“พาณิชย”ถกทางไกลกับ จีน ขอให้จีนเร่งแก้ปัญหาอุปสรรคทางการค้าและอำนวยความสะดวกให้สินค้าไทย เพิ่มช่องทางส่งออกผลไม้ผ่านด่านท่าเรือ และเร่งขึ้นทะเบียนโรงงานแปรรูปข้าว-ไก่-รังนกของไทย หวังเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันช่วงโควิด

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 ได้เป็นประธานการประชุมร่วมกับนายหลี่ ซิงเฉียน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์จีน ในการประชุมคณะทำงานเพื่อส่งเสริมการค้าอย่างไร้อุปสรรคไทย-จีน (Working Group on Promoting Unimpeded Trade) ครั้งที่ 2 ผ่านระบบการประชุมทางไกล เพื่อหารือการแก้ปัญหาทางการค้าและร่วมมือขยายมูลค่าการค้าระหว่างกัน

“พาณิชย์”ถกทางไกลกับจีน  เร่งลดอุปสรรคการค้า

โดย การประชุมครั้งนี้ ฝ่ายไทยได้ขอให้จีนช่วยแก้ปัญหามาตรการที่เป็นอุปสรรคทางการค้า และเพิ่มการอำนวยความสะดวกทางการค้าให้กับสินค้าของไทย เพื่อเพิ่มมูลค่าทางการค้าระหว่างกัน โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่มีข้อจำกัดในการเดินทาง และความเข้มงวดที่ด่านพรมแดน อาทิ การขยายเวลาการให้บริการตรวจสินค้าเข้า-ออก ที่ด่านโหย่วอี้กวน

เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการขนส่งสินค้า ในช่วงที่ผลไม้ไทยออกสู่ตลาดจำนวนมาก พร้อมทั้งเปิดด่านท่าเรือกวนเหล่ยริมแม่น้ำโขงให้กลับมาขนส่งสินค้าได้โดยเร็ว และอนุญาตให้นำเข้าผลไม้ไทยผ่านด่านดังกล่าวได้ เพื่อเพิ่มช่องทางการส่งออกผลไม้จากไทยเข้าทางมณฑลยูนนาน รวมทั้งให้เร่งขึ้นทะเบียนโรงงานแปรรูปข้าว ไก่ และรังนกของไทย ที่ยื่นคำขอค้างไว้ เพื่อเพิ่มจำนวนโรงงานที่ผ่านเกณฑ์การส่งออกไปจีน และเร่งตรวจประเมินความปลอดภัยทางอาหารของเนื้อสุกร โคมีชีวิต และผลิตภัณฑ์รังนกแดง ที่ไทยยื่นขอเปิดตลาดส่งออกไปจีนไว้ ซึ่งจะให้มีการหารือในระดับเทคนิคต่อไปโดยเร็ว  

“พาณิชย์”ถกทางไกลกับจีน  เร่งลดอุปสรรคการค้า

นอกจากนี้ ฝ่ายไทยยังได้หารือเรื่องการเชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจพิเศษเชียงของ จังหวัดเชียงราย กับเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วมบ่อเต็น (สปป.ลาว) กับบ่อหาน (จีน) ซึ่งไทยอยู่ระหว่างพัฒนาพื้นที่เชียงของให้มีความพร้อมเป็นศูนย์กระจายสินค้าและโลจิสติกส์สำหรับการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดน เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยได้รับสิทธิประโยชน์จากนโยบายพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดน (CBEC) ของจีนด้วย เช่น สิทธิประโยชน์ด้านภาษี จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีศุลกากร และเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและสรรพสามิตร้อยละ 70 ของอัตราภาษีปกติในสินค้า อาทิ ผลไม้อบแห้ง ชา กาแฟ และเครื่องสำอาง

ส่วนฝ่ายจีนขอให้ไทยปรับระบบการใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (CO) ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) เป็นแบบลายมือชื่อและตราประทับแบบอิเล็กทรอนิกส์แทนแบบกระดาษ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับภาคเอกชนทั้งสองฝ่าย จีนยังต้องการส่งเสริมความร่วมมือทางการค้ากับไทยในสาขาสุขภาพและเครื่องมือแพทย์ ตลอดจนเชิญชวนให้ไทยนำผู้ประกอบการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าจีน-อาเซียน (CAEXPO) ณ นครหนานหนิง ในเดือนกันยายน และงานมหกรรมสินค้านำเข้านานาชาติจีน (CIIE) 2021 ณ นครเซี่ยงไฮ้ ในเดือนพฤศจิกายนนี้

ทั้งนี้ จีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย โดยในปี 2563 การค้าสองฝ่ายมีมูลค่า 79,607 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 การค้าสองฝ่ายมีมูลค่า 22,803 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 26% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยไทยส่งออกไปจีนมูลค่า 8,015 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 20.6% สินค้าส่งออกสำคัญของไทย เช่น ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผลิตภัณฑ์ยาง เม็ดพลาสติก เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง และยางพารา เป็นต้น สินค้านำเข้าสำคัญจากจีน เช่น เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดโผสินค้าไทยไปจีนพุ่งแรง

ส่งออกทุเรียนพุ่งกระฉูด 2 เดือนตลาดจีนโต500%

‘จีน-สหรัฐ-อียู’ฟื้น ส่งออกไทยโงหัว

เหล็กจีนแพง 200% สะเทือนไทย-สะท้านโลก