ทุจริตถุงมือยางแสนล้าน ใกล้กระชากหน้ากากคนโกง

06 มี.ค. 2564 | 04:02 น.

เป็นประเด็นร้อนมาตั้งแต่ปลายปี 2563 สำหรับกรณีการทุจริตจัดซื้อถุงมือยาง มูลค่า 112,500 ล้านบาท และการจ่ายเงินค่ามัดจำสินค้า 2,000 ล้านบาท ให้กับบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ที่ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการ องค์การคลังสินค้า (อคส.) และพวกที่อาศัยช่องโหว่ ขณะรักษาการ ผอ.อคส. รีบร้อนในการอนุมัติจัดซื้อจัดจ้างถุงมือยาง และเป็นเหตุให้ฝ่ายค้านนำเรื่องดังกล่าวไปอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านพร้อมทั้งเปิดเผยรายชื่อผู้ที่มีส่วนพัวพันอีกหลายคนนับตั้งแต่ นายสุชาติ เตชจักรเสมา ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า (ประธานบอร์ด อคส.) ไปยันเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงาน 

ล่าสุดผลสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่มีนายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ได้ตรวจสอบแล้วเสร็จ สรุปความว่า มีเจ้าหน้าที่ อคส. ซึ่งอยู่ในระดับนักบริหาร 8 จำนวน 2 ราย เกี่ยวข้องกับการกระทำของพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ที่มีพฤติกรรมใช้อำนาจพิจารณาอนุมัติโครงการจัดซื้อถุงมือยางโดยมิชอบ โดยไม่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ อคส. และอนุมัติจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้าไปถึง 2,000 ล้านบาทโดยมิชอบตามกระบวนการของกฎหมายและระเบียบ  

เรื่องดังกล่าวนายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ อคส. คนปัจจุบันได้เดินหน้าตั้งคณะตรวจสอบขึ้นมาอีก 3 ชุดเพื่อสอบสวนและเอาผิดทางวินัย ประกอบด้วยคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงซึ่งมี พ.ต.อ.สุรพงษ์ เปล่งขำ ผู้ช่วยผู้อำนวยการอคส.เป็นประธานสืบสวนข้อเท็จจริงเพื่อพิจารณาความผิดที่เกิดขึ้น  ทั้งนี้หากคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงชี้มูลความผิดซึ่งช้าสุดน่าจะแล้วเสร็จต้นเดือนหน้า หลังจากนั้นจะส่งข้อมูลทั้งหมดให้คณะกรรมการอีก 2 ชุดคือ  คณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง เพื่อชี้โทษผู้กระทำผิด เช่น พักงาน หรือ ไล่ออก  และคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความรับผิดของเจ้าหน้าที่ (หรือคณะกรรมการสอบละเมิด) ซึ่งคณะกรรมการ 2 ชุดหลังจะมีหน้าที่พิจารณาค่าเสียหายจากบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยจะมีผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอกเป็นประธานเพื่อให้เกิดความโปร่งใส โดยยืนยันว่าจะเอาผิดผู้เกี่ยวข้องทุกรายและเรียกค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยคืน  

ทุจริตถุงมือยาง

ล่าสุด ผลสอบชุดที่มี พ.ต.อ.สุรพงษ์ เปล่งขำ ผู้ช่วยผู้อำนวยการอคส.เป็นประธานกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงได้ระบุว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้ง 3 ราย คือ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ และเจ้าหน้าที่ระดับบริหาร 8 อีก 2 ราย มีความผิดทางวินัยร้ายแรง ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบและข้อบังคับต่างๆ และยังเอื้อประโยชน์ให้เอกชน จนทำให้อคส.เสียหาย ซึ่งจะให้เวลาภายใน 15 วันในการชี้แจง หากหาข้อหักล้างไม่ได้ ถือว่าผิดวินัยร้ายแรง โทษคือไล่ออก ให้ออก และตั้งกรรมการเอาผิดทางละเมิดเพื่อชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับอคส. อย่างไรก็ดี พ.ต.อ.รุ่งโรจน์เคยให้สัมภาษณ์ว่าไม่ทราบผลการสืบสวนของกระทรวงพาณิชย์ ที่อคส.แต่งตั้งขึ้น และคงไม่ไปแสดงความเห็นอะไร แต่ขอให้รอผลการสอบสวนจากทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางจะดีกว่า

  ขณะที่พลตรีดิเรก ดีประเสริฐ รองประธานบอร์ด อคส.ระบุ ถึงปัญหาการทุจริตจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่ากว่าแสนล้าน ที่ฝ่ายค้านอภิปรายเชื่อมโยงกับอดีตรักษาการ ผอ. อคส.เจ้าหน้าที่อคส.รวมไปถึงประธานบอร์ด อคส.ว่ามีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น สร้างความไม่สบายใจให้กับบอร์ดคนอื่น ๆ ซึ่งได้หารือกันรอบนอกก่อนการประชุมบอร์ดเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์กว่าหนึ่งชั่วโมงเพื่อกำหนดท่าที ให้ประธานบอร์ดแสดงความรับผิดชอบ เพราะถือเป็นเรื่องมัวหมองและอาจทำให้สังคมเข้าใจผิดว่าบอร์ดที่ประชุมในวันที่ 26 สิงหาคม 2563 มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะบอร์ด อคส.มาจากหลายที่ที่หน่วยงานต่างๆ ส่งมา ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยจึงขอให้ประธานบอร์ดแสดงสปิริตลาออกก่อน  

“การทำงานระหว่างบอร์ดในขณะที่นายสุชาติ นั่งเป็นประธานบอร์ดอยู่โดยที่ยังไม่มีการเคลียร์ตัวเองให้ชัดเจนจะทำให้บอร์ดคนอื่นอึดอัดในการทำงาน ซึ่งในการประชุมครั้งหน้าคงจะต้องกำหนดท่าทีกันใหม่ เช่น การวอล์คเอาท์ไม่ร่วมประชุมด้วย ซึ่งการขอให้ประธานบอร์ดลาออกนั้น ไม่ได้แสดงว่าเป็นการยอมรับผิด แต่เป็นวัฒนธรรมที่ผู้นำควรมี โดยเฉพาะกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าพัวพันกับการทุจริต และเชื่อว่าหลังจากบอร์ดร่วมกันกดดันนายสุชาติอาจจะอยู่ระหว่างการทบทวนบทบาทของตัวเอง” พลตรีดิเรก กล่าว

ด้านพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการ ผอ.อคส.  กล่าวว่าตนได้เลื่อนการเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงกับอคส.หลังจากที่ฝ่ายค้านนำประเด็นถุงมือยางไปอภิปรายไม่ไว้วางใจซึ่งมีประเด็นที่ต้องชี้แจ้งเพิ่มจากที่ฝ่ายค้านนำไปอภิปราย ทั้งนี้จะส่งเป็นเอกสารชี้แจงไปที่อคส. ส่วนที่ประธานบอดร์ดอคส.ออกมาแก้ต่างว่าเสียงในคลิปไม่ใช่ตัวเองและไม่ใช่คนเสนอไอเดียโครงการจัดซื้อถุงมือยางนั้น พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ กล่าวด้วยนำเสียงประชดประชันว่า ผมคงตัดต่อคลิปเสียงเองมั้ง และที่ประธานบอร์ดให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าไม่ใช่คนนำเสนอไอเดียแต่เป็นระดับเจ้าหน้าปฏิบัติที่เสนอไอเดียมาผมก็ไม่เข้าใจเพราะเวลาเขาอยู่กับผมเขาจะบอกว่า “คุณต้องมีความเป็นผู้นำต่างๆ นาๆ” เรื่องนี้ผมไปพูดกับใครต่อใคร เพราะถ้าผู้ใหญ่สั่งมา ระดับผอ.ก็ไม่กล้าขัด คุณมีความสนิทกับระดับรัฐมนตรี คุณไปชี้แจงกับรัฐมนตรีสิว่าโครงการนี้ดียังไง แต่สุดท้ายก็ต้องว่ากันไปหลักฐานพยาน และอยู่ที่หน่วยงานที่ตรวจสอบจะชี้มูลความผิดใคร  ถ้าปปช. หรือศาลตัดสินว่าผมผิดต้องติดคุก ผมก็จะสู้ไปจนถึงศาลสุดท้าย

ขณะที่นายสุชาติ เตชจักรเสมา ประธานบอร์ด อคส.ปฏิเสธไม่มีส่วนร่วมหรือเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อถุงมือยางมูลค่า 1.12 แสนล้านบาท และขณะนี้ได้ให้ฝ่ายกฎหมายไปดูรายละเอียดของเนื้อหาที่ฝ่ายค้านพาดพิง รวมทั้งยังไม่ยื่นหนังสือลาออกจากประธานบอร์ดอคส. แม้ว่านายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จะร่วมกดดันให้ลาออกเพื่อแสดงสปิริตก็ตาม

ด้านป.ป.ช. เตรียมชี้มูลเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาหลังจากสอบพยานและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพราะได้ข้อมูลครบถ้วนแล้ว คาดจะมีผู้กระทำผิดไม่น้อยกว่า 2 ราย โดยจะเปิดเผยรายชื่อเร็ว ๆ นี้  งานนี้จะสาวถึงตัวการใหญ่หรือไม่นั้น จะเป็นบทพิสูจน์ฝีมือของป.ป.ช.ในการลบข้อกล่าวหาการทุจริตที่เกิดขึ้นอีกครั้งในกระทรวงพาณิชย์ 

หน้า 9 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,659 วันที่ 7 - 10 มีนาคม พ.ศ. 2564