“พาณิชย์”ดันสินค้าภาคใต้ ใช้FTA ขยายตลาดส่งออก

05 มี.ค. 2564 | 07:52 น.

‘กรมเจรจาฯ’ ลงใต้ ดันสินค้าดาวเด่นอย่างหอยเป๋าฮื้อภูเก็ต-ปัตตานี ใช้ประโยชน์ FTA ขยายส่งออกตลาดพรีเมียม พร้อมแนะกลยุทธ์สร้างรายได้เพิ่มช่วงโควิด พร้อมยกระดับสินค้าท้องถิ่นทั้งปลาสลิด และ  ผ้าทอพื้นเมือง สร้างรายได้ให้ชุมชนฝ่าวิกฤตโควิด 

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ  กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯ เตรียมนำทีมลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและปัตตานี ระหว่างวันที่ 8-9 มีนาคม 2564 โดยจะลงพื้นที่สำรวจศักยภาพการทำประมงเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นสินค้าเศรษฐกิจมูลค่าสูงที่สำคัญ เน้นส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) ขยายส่งออกตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพ ทั้งญี่ปุ่น ออสเตรเลีย จีน และเกาหลีใต้ และจะนำทีมวิทยากรและผู้เชี่ยวชาญเรื่องสินค้ากลุ่มสิ่งทอ จัดสัมมนาให้ความรู้กับวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรผลิตผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ “พรชนก” ให้สามารถยกระดับเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์ สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม พร้อมทั้งขยายช่องทางการตลาดเพิ่มขึ้น และสร้างรายได้ให้กับชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 

“พาณิชย์”ดันสินค้าภาคใต้  ใช้FTA ขยายตลาดส่งออก

นอกจากนี้ กรมฯ จะลงพื้นที่จังหวัดปัตตานี ภายใต้โครงการ สร้างเครือข่ายเชื่อมโยง 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สู่ตลาดการค้าเสรีอาเซียน โดยจะพบหารือผู้ประกอบการและเยี่ยมชมวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านประมงพื้นบ้านบูดี อำเภอยะหริ่ง ที่มีผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูปที่หลากหลาย อาทิ ข้าวเกรียบปลาหรือกือโป๊ะ ปลาทุบปรุงรส และปลาเส้นปรุงรส ซึ่งเป็นสินค้าได้รับมาตรฐานฮาลาลและส่งออกไปตลาดมาเลเซียและจีน รวมทั้งจะพบหารือกลุ่มอาชีพสตรีทอผ้าบ้านตรัง อำเภอมายอ ที่ผลิตผ้าจวนตานีหรือผ้าลีมา ซึ่งเป็นผ้าทอลายโบราณบนผืนผ้าไหม และจะหารือกับกลุ่มเลี้ยงปลาสลิดดอนนา อำเภอโคกโพธิ์ ที่มีผลิตภัณฑ์ปลาสลิดแดดเดียว น้ำพริกปลาสลิด และปลาส้ม ซึ่งกลุ่มต้องการเพิ่มช่องทางจำหน่ายในตลาดในประเทศและต่างประเทศ 

“กรมฯ จะเน้นการสร้างโอกาสของสินค้าที่มีศักยภาพของไทย เพื่อขยายส่งออกไปตลาดต่างประเทศ โดยใช้ประโยชน์จาก FTA ที่ประเทศคู่ค้าส่วนใหญ่ของไทยได้ลดหรือยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าที่ส่งออกจากไทยแล้ว โดยเฉพาะผู้ประกอบการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีความใกล้ชิดกับตลาดอาเซียน ซึ่งสามารถขยายส่งออกได้เพิ่มขึ้นทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และบรูไน ทั้งนี้ กรมฯ จะแนะกลยุทธ์สร้างรายได้เพิ่มให้กับชุมชน ลดการพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวที่กำลังซบเซา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด”