จากภูเก็ต สู่...อุดรฯ เจ้าสัวน้อย 'ฐาปน' ทำทัพประชารัฐสร้างเศรษฐกิจฐานราก

16 เม.ย. 2559 | 03:00 น.
โครงการประชารัฐ จังหวัดภูเก็ตนับเป็นโมเดลแรกของโครงการขับเคลื่อนพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ โดยมีภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมช่วยเหลือกันแก้ปัญหาและช่วยลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาคุณภาพคนเพื่อให้ชุมชนท้องถิ่นแข็งแรง ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการจัดตั้งบริษัท ประชารัฐรักสามัคคีภูเก็ต จำกัดแล้ว โดยหน่วยงานนี้จะบริหารแบบ Social Enterprise อาศัยฟันเฟืองที่สำคัญทั้ง 5 ฟันเฟืองเร่งสร้างความมั่งคั่งให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน

[caption id="attachment_43870" align="aligncenter" width="500"] กลุ่มการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ กลุ่มการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ[/caption]

ล่าสุด “นายฐาปน สิริวัฒนภักดี” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หัวหน้าทีมภาคเอกชน กลุ่มการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ ตามนโยบายการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก เดินหน้านำทัพไปยังจังหวัดอุดรธานี หนึ่งใน 5 จังหวัด (ประกอบไปด้วย ภูเก็ต อุดรธานี เพชรบุรี เชียงใหม่ และบุรีรัมย์) ซึ่งเป็นกลุ่มจังหวัดเฟสแรก ที่จะต้องนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะทำงานเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐในวันที่ 18 เมษายนนี้

 ปักธง 5 จังหวัดระยะที่ 1

การเดินหน้าลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ของคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ ตามนโยบายปักธง 5 จังหวัดในระยะที่ 1 เพื่อศึกษาข้อมูลและความต้องการของแต่ละชุมชนเพื่อนำไปสู่การวางแผนสนับสนุน และพัฒนาองค์ความรู้สู่ความเข้มแข็งยั่งยืนต่อไป เนื่องจากทั้ง 5 จังหวัดนี้เป็นพื้นที่ๆ มีความพร้อมและสามารถดำเนินการพัฒนาได้ทันที

“นายฐาปน” กล่าวว่า รัฐบาลกำหนดเป้าหมายสำคัญคือการสร้างรายได้ให้ชุมชน และมีความสุขอย่างยั่งยืนดำเนินงานในการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง 3 ในเรื่อง คือ การเกษตร การแปรรูปผลิตภัณฑ์ชุมชน และการท่องเที่ยวชุมชน อีกทั้งช่วยให้ชุมชนเข้าถึงปัจจัยการผลิต เช่น เงินทุน เมล็ดพันธุ์ พัฒนาการบริหารจัดการ ช่วยส่งเสริมการสร้างมูลค่าจากองค์ความรู้ในชุมชน พร้อมทั้งช่วยหาช่องทางการตลาดและส่งเสริมให้มีการรับรู้ส่งข้อมูลข่าวสารสำคัญต่อเนื่อง

“การดำเนินการในระยะที่ 1 จะเริ่มจาก 5 จังหวัดใน 4 ภาค คือ ภูเก็ต อุดรธานี เพชรบุรี เชียงใหม่ และบุรีรัมย์ โดยล่าสุดที่ผ่านมาได้เริ่มต้นที่จังหวัดภูเก็ตเป็นที่แรก เพื่อเป็นจังหวัดต้นแบบเนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีความพร้อม มีผลผลิตทางการเกษตรที่โดดเด่นเฉพาะตัว มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว และมีรากฐานการผลิตใหญ่เชื่อมโยงกับกลุ่มจังหวัดใกล้เคียง เช่น การพัฒนาธุรกิจผักปลอดสารพิษ ธุรกิจนมแพะ ธุรกิจกุ้งมังกร และพัฒนาธุรกิจผ้าบาติค เป็นต้น ทั้งนี้หลังจากคณะทำงานได้ลงพื้นที่ชุมชนทั้ง 5 จังหวัดเสร็จสิ้นคณะทำงานจะนำข้อมูลที่ได้ทั้งหมดเสนอเข้าที่ประชุมคณะทำงานเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐในวันที่ 18 เมษายนนี้ ”

 เล็งเฟสสอง 13 จังหวัด

นอกจากนี้คณะทำงานยังได้วางแผนปักธงพื้นที่ระยะที่ 2 อีกจำนวน 13 แห่ง ได้แก่ จังหวัดน่าน อุบลราชธานี ชุมพร พิษณุโลก ร้อยเอ็ด สระแก้ว สงขลา สกลนคร กาญจนบุรี ตราด อุทัยธานี สระบุรี และชัยนาท โดยโครงการระยะที่ 2 นี้เป็นพื้นที่กลุ่มจังหวัดที่ต้องใช้ระยะเวลาการดำเนินการ 12-18 เดือน ขณะที่การพัฒนาชุมชนกลุ่มจังหวัดนี้ส่วนใหญ่ ได้แก่ เกษตรอินทรีย์ กาแฟ ผักออแกนิกส์ และท่องเที่ยวชุมชน เป็นต้น

“สำหรับการดำเนินการคณะทำงานได้มีแนวคิดจัดตั้ง Area Based Social Enterprise หรือวิสาหกิจชุมชนพื้นที่ ซึ่งบริหารจัดการด้วยความโปร่งใสมีธรรมาภิบาล สร้างประโยชน์กลับสู่ชุมชนใน 76 จังหวัด และ 18 กลุ่มจังหวัดโดยมีบริษัท Holding เป็นตัวกลาง มีเป้าหมายเพื่อสังคมไม่ใช่เพื่อกำไรสูงสุด เป็นรูปแบบธุรกิจที่รับรายได้หลักมาจากการขายสินค้าและบริการ ซึ่งกำไรต้องนำไปขยายผลไม่ใช่เพื่อปันผลเพื่อประโยชน์คนใดคนหนึ่ง และการจดทะเบียนรูปแบบบริษัทให้ถูกต้อง”

[caption id="attachment_43869" align="aligncenter" width="500"] กลุ่มการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ กลุ่มการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ[/caption]

 ลุยจังหวัดอุดร แห่งที่ 2

ทั้งนี้คณะทำงานได้เริ่มวางแผนปักหมุดต่อที่จังหวัดอุดรธานี โดยโครงการที่จะดำเนินการ ได้แก่ ชุมชนกลุ่มผ้าพื้นเมือง กลุ่มท่องเที่ยวชุมชนบ้านเชียง กลุ่มท่องเที่ยวชุมชนทะเลบัวแดง และกลุ่มข้าวอินทรีย์ เป็นต้น ทั้งนี้คณะทำงานจะเร่งผลักดันให้เกิดบริษัท รู้รักสามัคคีอุดรธานี จำกัด แห่งที่ 2 ก่อนในวันที่ 18 เมษายนนี้ ซึ่งบริษัทนี้จะครอบคลุมการทำงานด้านต่างๆ เช่น เกษตรอินทรีย์ ผ้าพื้นเมือง และการท่องเที่ยวชุมชน

“ศักยภาพของจังหวัดอุดรธานี คือการเป็นศูนย์กลางคมนาคมที่สะดวกทั้งภาคพื้นดินและอากาศ รวมถึงมีสนามบินนานาชาติที่สามารถเชื่อมโยงเดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้ ขณะเดียวกันเป็นศูนย์กลางตลาดทางการเกษตร การค้าปลีก ค้าส่ง ศูนย์รวมการท่องเที่ยว เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่ามีนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในจังหวัดอุดรธานีเฉลี่ย 1.87 ล้านคนต่อปี”

สำหรับพื้นที่จังหวัดอุดรธานีแม้ในปัจจุบันจะมีความพร้อมด้านต่างๆอยู่มาก แต่ก็ยังมีปัญหาที่ต้องแก้ไขอยู่บ้าง เช่น ขาดองค์ความรู้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าพื้นเมือง (ผ้าย้อมคราม) อย่างมีประสิทธิภาพ ขาดการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่มีประสิทธิภาพรวมทั้งบุคลากรด้านการท่องเที่ยวไม่มีองค์ความรู้ด้านการบริการ และการตลาด ขาดการเชื่อมโยงและการบูรณาการร่วมมือระหว่างแหล่งท่องเที่ยวชุมชนต่างๆ รวมถึงขาดองค์ความรู้และการบริหารจัดการด้านการผลิตข้าวอินทรีย์ที่มีมาตรฐาน โดยองค์ความรู้เบื้องต้นที่คณะทำงานจะแก้ไข ได้แก่ เสริมสร้างองค์ความรู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงหาช่องทางการตลาดโดยเชื่อมโยงช่องทางการจัดจำหน่ายในโรงแรม และสถานประกอบการท่องเที่ยว พร้อมทั้งสร้างแบรนด์ และเอกลักษณ์ผลิตภัณฑ์

  5 ฟันเฟืองขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ขณะเดียวกันคณะทำงานได้มองเห็นถึงการสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้แก่ชุมชน มี 3 กลุ่ม คือ การเกษตร การแปรรูป และการท่องเที่ยวชุมชน ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจนี้ต้องอาศัย 5 ฟันเฟืองหลักผ่านบริษัท รู้รักสามัคคีอุดรธานี จำกัด ได้แก่ 1.การเข้าถึงปัจจัยการผลิตทั้งด้านทรัพยากรและโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยบริษัทจะช่วยให้ชุมชนเข้าถึงปัจจัยการผลิตพร้อมระดมผู้ชำนาญการและเงินทุนจากภาครัฐและภาคเอกชนประสานโครงการจัดหาพื้นที่เพาะปลูก เพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2.ช่วยบริหารจัดการด้านต้นทุนบัญชี และการบริหารความเสี่ยง

3.สร้างองค์ความรู้จากในชุมชนและส่งเสริมความรู้เพื่อสร้างประโยชน์ต่อยอด โดยจะช่วยสร้างองค์ความรู้เศรษฐกิจพอเพียงให้แก่ชุมชน 4.พัฒนาการตลาดแบบบูรณาการ ตั้งแต่การวิเคราะห์ตลาดไปจนถึงช่องทางการขายใหม่ๆ และ 5.ฟันเฟืองการสื่อสารสร้างการรับรู้เพื่อความยั่งยืน เช่น การสร้างแบรนด์ และหาช่องทางการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อท้องถิ่นและสื่อระดับประเทศ เพื่อช่วยให้คนรับรู้ในวงกว้างและสนใจซื้อสินค้า พร้อมทำให้แบรนด์โด่งดังในอนาคต เป็นต้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,147 วันที่ 10 - 13 เมษายน พ.ศ. 2559