ร.พ.เอกชน เฝ้าระวัง ‘ไวรัสโคโรนา’

05 ก.พ. 2563 | 10:23 น.

นายกสมาคมร.พ.เอกชน ยันรับมือ ‘ไวรัสโคโรนา’ ใกล้ชิด ด้านร.พ.บำรุงราษฎร์ เข้มงวดเฝ้าระวัง 5 ด้าน

นายแพทย์เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สำหรับสถานการณ์โรคโรโคน่าที่เกิดขึ้น ในมุมมองโรงพยาเอกชนมีมาตราการป้องกระทบที่เกิดขึ้นไว้อยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาโรงพยาบาลเอกชนจะมีระบบคัดกรองผู้ป่วยอยู่แล้ว ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่ในอดีตโรงพยาบาลก็เผชิญกับโรคซาส์มาแล้วบ้าง ขณะเดียวกันกลุ่มคนไข้จีนที่เข้ามาส่วนใหญ่ก็เดินทางไป 3-4 สถานที่หลักๆ เช่น สุวรรณภูมิ กรุงเทพ เชียงใหม่ ภูเก็ต เป็นต้น ซึ่งโรงพยาบาลเอกชนในแถบนั้นก็ต้องเตรียมการระมัดระวังอย่างดี

ร.พ.เอกชน เฝ้าระวัง ‘ไวรัสโคโรนา’

"ระยะระบาดปัจจุบัน แบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ 1.พาโรคมาจากที่อื่น 2.โรคที่เกิดภายในประเทศ และ3.โรคประจำถิ่น ซึ่งส่วนตัวมองว่าโรงพยาบาลเอกชนเตรียมการและมีระบบการตรวจโรคเป็นขั้นตอนอย่างดี ตั้งแต่การคัดกรองผู้ป่วย วินิจฉัยโรค เข้าห้องแล็ป อื่นๆ และในส่วนของเครือโรงพยาบาลบางกอก เชน ฮอสปิทอล เองไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ เนื่องจากกลุ่มคนไข้ของโรงพยาบาลส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนไทย CLMV และตะวันออกกลาง"

 

ร.พ.เอกชน เฝ้าระวัง ‘ไวรัสโคโรนา’

นายแพทย์วิชัย เตชะสาธิต แพทย์ผู้ชำนาญการด้านอายุรศาสตร์โรคติดเชื้อ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดเผยว่า โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้มีมาตรการการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดและมีการตรวจคัดกรองผู้ป่วยกลุ่มที่อยู่ในข่ายต้องสงสัยมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเป็นโรงพยาบาลระดับสากลที่รองรับผู้ป่วยต่างชาติ  50% หรือกว่า 5.2 แสนรายต่อปี จึงมีการติดตามและประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาที่เกิดขึ้นทั่วโลก

 

โดยมาตรการเฝ้าระวังดังกล่าวจะได้รับการทบทวนอย่างสม่ำเสมอ และปรับตามความเหมาะสมให้เท่าทันกับสถานการณ์และสอดรับกับนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข โดยล่าสุด โรงพยาบาลฯ ได้ดำเนินมาตรการเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ป่วย ผู้ใช้บริการ และบุคลากรของโรงพยาบาลฯ ด้วยมาตรการขั้นสูงสุด ได้แก่

ร.พ.เอกชน เฝ้าระวัง ‘ไวรัสโคโรนา’

1.ติดตั้งเครื่อง Thermal Imaging Camera เพื่อตรวจจับผู้ที่มีอุณหภูมิร่างกายเกินกำหนด ครอบคลุมทุกพื้นที่  2.เตรียมห้องแยกโรคความดันลบ (negative pressure room) พร้อมด้วยอุปกรณ์และมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล สำหรับผู้ป่วยที่อยู่ในข่ายต้องสงสัยหรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยงโดยไม่ให้ปะปนกับผู้อื่น 3. การเข้มงวดและเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดพื้นที่และอุปกรณ์สาธารณะต่าง ๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อคุณภาพสูง มีการกำจัดขยะและของเสียอย่างเหมาะสม 

 

4. มีการตั้งศูนย์บัญชาการสถานการณ์เพื่อติดตาม เฝ้าระวัง และประชุมกับผู้ชำนาญการเพื่อปรับแผนรองรับสถานการณ์ตามความเหมาะสมอยู่ตลอดเวลา 5. ให้ความรู้ด้านการป้องกันตนเองแก่ผู้ป่วยและพนักงานอย่างสม่ำเสมอ