นอกจากเป็นรอบปีของความพลิกผันคาดไม่ถึงแล้ว ตลอดปี 2562 นี้ยังมีเหตุความขัดแย้งแตกหักของบิ๊กธุรกิจ ที่โผนเข้าหํ่าหั่นฟัดกันชนิด “ยักษ์ชนยักษ์”ชิงผลประโยชน์ ธุรกิจก้อนมหึมาระดับแสนล้านจนสะเทือนเลื่อนลั่นเป็นระยะ เกิดขึ้นหลายคู่ต่อเนื่องทั้งปี
ที่ร้อนแรงสุดได้แก่เหตุการณ์ AOT ปิดล้อม “เซ็นทรัล วิลเลจ” ที่ระเบิดขึ้นปุ๊บปั๊บ เมื่อ AOT ส่งเจ้าหน้าที่ตั้งเต็นท์ปิดประตูทางเข้าโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ห้างเอาต์เลตหรูสุดขณะกำลังเตรียมเปิดตัวในอีกไม่กี่วัน ทางเซ็นทรัล วิลเลจ ต้องวิ่งโร่พึ่งศาล ขอคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉินให้เปิดทาง ที่ต้องลุ้นกันเหงื่อตกเพราะออกบัตรเชิญแขกเตรียมงานไว้หมดแล้วจนศาลสั่งเปิดทางในนาทีสุดท้าย จากนั้นยังแลกหมัดกันต่อ “ฐานเศรษฐกิจ” จึงยกให้เป็น “ซูเปอร์ไฟต์ แห่งปี 2562”
การที่บมจ. ท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท. (AOT) ส่งเจ้าหน้าที่เข้าปิดกั้นทางเข้าออก “เซ็นทรัล วิลเลจ” ลักชัวรี เอาต์เลตของบมจ. เซ็นทรัลพัฒนา หรือซีพีเอ็น ในช่วงเย็นของวันที่ 22 สิงหาคม 2562 กลายเป็นประเด็นร้อนที่ได้รับความสนใจไม่ใช่เฉพาะในประเทศเท่านั้น แต่สื่อทั่วโลกยังนำเสนอถึงข้อพิพาทที่เกิดขึ้นว่าข้อเท็จจริงคืออะไร
เมื่อฝ่ายทอท. โดย “นิตินัย ศิริสมรรถการ” ออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ โครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ใน 3 ประเด็นคือ ร้องถึงอบต.บางโฉลง ตรวจสอบเซ็นทรัล วิลเลจ สร้างบนพื้นที่สีเขียวหรือไม่ ร้องไปยังสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ตรวจสอบพื้นที่ก่อสร้างกระทบเขตปลอดภัยในการเดินทางอากาศหรือไม่ และส่งถึงกรมธนารักษ์ ขอดำเนินคดี CPN สร้างสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำที่ราชพัสดุ ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าทำตามหน้าที่ เพื่อไม่ให้เอกชนเข้ามาสร้างสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำพื้นที่ราชพัสดุไม่ได้เอื้อผลประโยชน์ให้ใคร
ขณะที่ฝ่ายเซ็นทรัล วิลเลจ ออกมายืนยันโดยโต้กลับในทุกกล่าวหา เริ่มตั้งแต่การขออนุญาตก่อสร้างอาคารจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.), การขออนุญาตเปิดทางเข้าออกจากกรมทางหลวง และการขออนุญาตใช้ที่ดินจากอบต. บางโฉลง ซึ่งไม่ขัดกับกฎหมายผังเมือง ที่เปิดทางให้ท้องถิ่นสามารถนำพื้นที่สีเขียว ไปใช้ในกิจกรรมอื่นๆ ได้ในสัดส่วนไม่เกิน 10%
โดยเซ็นทรัล วิลเลจ ชี้แจงว่า เซ็นทรัล วิลเลจได้รับใบอนุญาตก่อสร้างอย่างถูกต้องตามกฎหมายจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ตัวอาคารแต่ละหลังมีขนาดพื้นที่ไม่เกิน 2,000 ตารางเมตร และมีความสูงไม่เกิน 23 เมตร บนที่ดินที่ซื้อมาจากเอกชนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตั้งอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ แต่ไม่ได้ตั้งอยู่บน หรือรุกล้ำพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ และ/หรือ ที่ดินของภาครัฐใดๆ
พร้อมกับร้องขอความเป็นธรรมเพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเท่าเทียม เพราะโครงการดังกล่าวถูกนำเสนอต่อสาธารณชนมาตั้งแต่ปี 2561 พร้อมกับลงทุนก่อสร้างมาต่อเนื่องจนปัจจุบันแล้วเสร็จกว่า 90% โดยโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ เป็นลักชัวรี เอาต์เลต แห่งแรกของเมืองไทย มีบริษัทแบรนด์ดังระดับโลกเข้ามาร่วมลงทุนเปิดให้บริการดึงเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศ ส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศ เป็นจุดหมายปลายทางการช็อปปิ้งระดับโลก และมีกำหนดจะเปิดให้บริการในวันที่ 31 สิงหาคม 2562 การเข้าปิดกั้นขวางทางเข้าออกโครงการส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของผู้รับเหมาก่อสร้าง ตกแต่งร้านค้า ตลอดจนผู้เช่า หากไม่สามารถเปิดให้บริการได้ตามกำหนดจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ และภาพลักษณ์ของประเทศ
การเผชิญหน้ากันของทอท. กับเซ็นทรัล วิลเลจ ฟากของทอท. ได้แรงหนุนจาก สหภาพฯ ทอท. ที่ออกแถลงการณ์ ค้านเซ็นทรัล วิลเลจ ด้วยเหตุผลว่า เกรงว่าจะกระทบเขตการบิน ทำให้ “ซีพีเอ็น” ตัดสินใจยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับนายกรัฐมนตรี พร้อมกับการยื่นฟ้องศาลปกครอง
แม้เวลาจะผ่านไปเพียง 48 ชม. แต่สถานการณ์ยังตึงเครียด ทำให้ “ซีพีเอ็น” ตัดสินใจนำทีมสื่อมวลชนลงพื้นที่ดูสถานที่ตั้ง แนวก่อสร้าง โดยหวังใช้สื่อเป็นกระบอกเสียงแสดงความบริสุทธิ์ ขณะที่ “ทอท.” ก็ได้แรงหนุนจากสหภาพฯ ทอท. ที่นำสื่อลงพื้นที่ พร้อมจี้ให้กพท. สอบถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในเขตปลอดภัยการบิน
แต่ดูเหมือนการเผชิญหน้ากันบนหน้าสื่อ ยังไม่พอ เพราะก่อนที่จะยืดเยื้อ จนเสียภาพลักษณ์กระทบต่อความเชื่อมั่นของการลงทุน เมื่อสื่อต่างชาติเริ่มตีข่าวจนกระฉ่อนไปทั่วโลก “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” ในฐานะเจ้ากระทรวงที่ทำหน้าที่กำกับดูแล ต้องเรียกทั้ง 2 ฝ่ายมานั่งโต๊ะเจรจา เพื่อหาข้อยุติ แต่ก็เป็นเพียงการเปิดช่องให้เกิดการตรวจสอบในแต่ละหน่วยงานเท่านั้น เพราะทอท. ก็ยังไม่เปิดแนวขวางกั้นทางเข้าออกเซ็นทรัล วิลเลจ
จนกระทั่งเริ่มนับถอยหลัง 24 ชม. ก่อนเปิดเซ็นทรัล วิลเลจ ช่วงบ่ายของวันที่ 30 สิงหาคม 2562 ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้ทอท.รื้อถอนสิ่งกีดขวางทางเข้าออกเซ็นทรัล วิลเลจ จนทำให้ “เซ็นทรัล วิลเลจ” สามารถเปิดให้บริการในวันที่ 31 สิงหาคม 2562 ตามกำหนดที่วางไว้
แต่สงครามครั้งนี้ยังไม่จบ เพราะยังมีเรื่องที่ต้องรอการตัดสิน แม้ล่าสุดในวันที่ 11 ธันวาคม ที่ผ่านมา “ศาลปกครองสูงสุด” มีคำสั่งยืนตามศาลปกครองชั้นต้น และต่อมาในวันที่ 17 ธันวาคม ศาลปกครองกลางนัดไต่สวนคดีที่ซีพีเอ็นฟ้องเรียกค่าเสียหายทอท. เป็นจำนวน 150 ล้านบาท คงต้องเกาะติด “คู่ชกแห่งปี” ว่าที่สุดแล้วบทสรุปคืออะไร
หน้า 8-9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,535 วันที่ 29 ธันวาคม 2562 -1 มกราคม 2563