ชี้เทรนด์สื่อปี63 ‘ทีวี-โรงหนัง’เสี่ยงหั่นงบ

19 ต.ค. 2562 | 12:13 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

ชี้เทรนด์อุตสาหกรรมสื่อปี 63 “ทีวี” เสี่ยงโดนโยกงบสู่ออนไลน์ ขณะที่สื่อนิชมาร์เก็ต ทั้งโรงภาพยนตร์ ส่อแววใช้เงินลดลง ด้านเอเยนซีควบรวบ กิจการมากขึ้นหวังนำเสนอบริการลูกค้าครบวงจร

นางสาวกนกกาญจน์ ประจงแสงศรี กรรมการผู้จัดการฝ่ายข้อมูลและการวิเคราะห์ บริษัท ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในปี 2563 นับเป็นปีที่มีความท้าทายอย่างมากของอุตสาหกรรมสื่อ และธุรกิจเอเยนซีเนื่องจากจะมีช่องทีวีดิจิทัลบางรายปรับราคาโฆษณาขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวสวนทางกับจำนวนผู้ชมและเรตติ้งที่ในปัจจุบันมีผู้ชมคอนเทนต์ผ่านสื่อทีวีน้อยลง ส่งผลให้ลูกค้าบางรายและเอเยนซีทำงานหนักขึ้นและย้ายงบการเช่าเวลาโฆษณาจากสื่อทีวีไปสู่สื่อดิจิทัลมากขึ้น

“ปัจจุบันลูกค้าใช้เงินกับสื่อดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น โดยเฉลี่ยมีการใช้เงินเพิ่มขึ้นราว 10% ขณะที่ในด้านกลุ่มสินค้า FMCG ปัจจุบันใช้เงินกับสื่อดิจิทัลแล้วกว่า 30% สื่อทีวี 60% ที่เหลือเป็นสื่ออื่นๆ เช่น สื่อโรงภาพยนตร์ สื่อ ณ จุดขาย หรือ สื่อนอกบ้าน ขณะเดียวกันสิ่งที่น่ากังวลสำหรับอุตสาหกรรมสื่ออีกเรื่องคือ สื่อที่เจาะกลุ่มลูกค้านิช มาร์เก็ตเฉพาะจะอยู่ยากมากขึ้น เช่น สื่อภาพยนตร์, สื่อ ณ จุดขาย เป็นต้น เนื่องจากงบประมาณการโฆษณาที่มีอยู่อย่างจำกัดประมาณ 10-20% สำหรับสื่ออื่นๆ ต้องถูกจัดสรรไปอยู่ในสื่อที่เกิดอิมแพ็กต์ กับคนส่วนมากให้เกิดประสิทธิภาพการสร้างการรับรู้สูงสุด”

ชี้เทรนด์สื่อปี63 ‘ทีวี-โรงหนัง’เสี่ยงหั่นงบ

กนกกาญจน์ ประจงแสงศรี

นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมายังพบว่าลูกค้าแบรนด์ใหญ่ระดับโกลบัล ส่วนใหญ่เริ่มหันไปใช้งบกับสื่อดิจิทัลมากขึ้น โดยบางรายใช้เงินในสื่อนี้ 40-50% จากเดิมในปีก่อนที่เคยใช้งบเพียงแค่ 20-30% แต่ในอีกด้านกลับมีแบรนด์สินค้ารายเล็ก หรือแบรนด์ในประเทศเริ่มหันมาใช้งบกับสื่อทีวีมากขึ้น ดังนั้นจากสัดส่วนการใช้เงินของทั้ง 2 กลุ่มที่เปลี่ยนแปลงจึงทำให้ตลาดยังสมดุลได้ และหากสำรวจตลาดสื่อในต่างประเทศแถบยุโรปและอเมริกาปัจจุบันพบว่าสื่อทีวียังคงเป็นสื่อหลักและเป็นสื่อที่มีเม็ดเงินโฆษณาสูงสุด แต่จำนวนเงินที่เคยใช้อาจจะลดลง

 

วันนี้บริษัทมองว่าความท้าทายของอุตสาหกรรมสื่อ และธุรกิจเอเยนซีคือเรื่องของ Big Data และเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยจัดการซื้อสื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากวันนี้คีย์หลักสำคัญคือเรื่องของเวลา เพราะด้วยปริมาณของคอนเทนต์ที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นเอเยนซีต้องทำงานมากขึ้นว่าคอนเทนต์แบบใดที่จะตอบโจทย์ผู้บริโภค และจะเลือกแพลตฟอร์มใดที่จะทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดคุ้มค่ากับเงินของลูกค้า ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาจึงเห็นการควบรวมธุรกิจระหว่างมีเดียเอเยนซี และดิจิทัล ครีเอทีฟ ทำงานร่วมกันมากขึ้น

นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมาไอพีจียังได้ทุ่มงบลงทุนกว่า 7.2 หมื่นล้านบาท ในการควบรวมกิจการของบริษัท Acxiom ที่เป็นผู้ให้ข้อมูลทางการตลาดอันดับต้นๆ ของโลกรวมไปถึงเครื่องมือต่างๆ เข้ามาช่วยจัดการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทพบว่าการสร้างดิจิทัล แคมเปญขึ้นมาชิ้นหนึ่งนั้น จะ วางแผนจากข้อมูลเชิงลึกที่จะช่วยเลือก Social Influencer (อิทธิพลทางสังคม) ให้เหมาะกับแคมเปญนั้นไปจนถึงการวัดผล Transaction (การติดต่อ, การซื้อขาย) เพื่อที่จะแนะ นำให้กับลูกค้าว่าสิ่งไหนที่ลูกค้าทำแล้วจะเกิดผล 

หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3514 ระหว่างวันที่ 17-19 ตุลาคม 2562