เอกชนร้องทร.เลื่อนเวลารับซองประกวดราคาพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา

08 ก.พ. 2562 | 14:47 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

ในการเปิดการประชุมชี้แจงการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ครั้งที่ 2 เพื่อชี้แจงข้อมูลความก้าวหน้าโครงการฯ กระบวนการดำเนินงาน และเกณฑ์การประเมิน รวมทั้งเปิดเวทีให้ผู้ซื้อเอกสารได้ซักถามข้อสงสัยต่างๆ เกี่ยวกับการลงทุนและข้อมูลความก้าวหน้าโครงการฯ โดยมีนักลงทุนที่ซื้อเอกสารการคัดเลือกเอกชน ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ผู้แทนกระทรวงคมนาคม ผู้แทนกองทัพเรือและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสื่อมวลชนร่วมงาน กว่า 150 คน เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562

โดยหลังจากเปิดให้เอกชนผู้ซื้อซองเอกสารคัดเลือก ได้ซักถามข้อสงสัยต่างๆทั้งด้านการลงทุน ร่างสัญญาร่วมลงทุน การก่อสร้าง รวมไปถึงข้อกำหนดในด้านต่างๆ เช่น การพัฒนาพื้นที่ งานโครงสร้าง และเทคโนโลยีต่างๆ เอกชนส่วนใหญ่ต่างต้องการให้มีการเลื่อนระยะเวลาในการเปิดรับซองข้อเสนอโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ออกไปอีกราว 1-2 เดือน จากไทม์ไลน์ที่กองทัพเรือวางไว้ว่าจะเปิดให้เอกชนมายื่นซองประกวดราคาในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้

เนื่องจากเอกชนหวั่นว่าจะเตรียมการด้านเอกสารไม่ทัน เนื่องจากมีข้อมูลด้านเอกสารเป็นจำนวนมากที่ต้องใช้เวลาเตรียมการมาก และเอกชนยังต้องการรอข้อสรุปในเรื่องของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่จะได้ข้อสรุปภายในเดือนนี้ เพราะโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน จะสัมพันธ์กับการพัฒนาสนามบิน ในเรื่องของการไหลเวียนของผู้โดยสาร

สำหรับโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก เป็นหนึ่งในโครงการเร่งด่วนของรัฐบาล เพื่อขับเคลื่อนโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC และรองรับอุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ โดยภายหลังจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติโครงการฯ ไปเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2561 กองทัพเรือและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) จึงได้จัดทำเอกสารเพื่อประกาศเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการฯ และเปิดให้เอกชนซื้อเอกสารการคัดเลือกเอกชนไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา
รูปแบบการลงทุนในโครงการฯ จะเป็นแบบ PPP รัฐจะลงทุนในส่วนของงานโยธา รันเวย์ที่ 2 และหอบังคับการบินหลังที่ 2 ส่วนเอกชนลงทุนส่วนสำคัญ คืออาคารผู้โดยสารแห่งที่ 3 ศูนย์การขนส่งภาคพื้นดิน (Ground Transportation Centre: GTC) เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการจราจรสำหรับการให้บริการขนส่งสาธารณะไปสู่สนามบิน ศูนย์ธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและโลจิสติกส์ (Cargo Complex) พื้นที่เขตประกอบ
การค้าเสรีและเขตธุรกิจเกี่ยวเนื่องในสนามบินอู่ตะเภา (Cargo Village or Free Trade Zone: FTZ) ศูนย์ธุรกิจการค้า (Commercial Gateway) เป็นต้น โดยกองทัพเรือให้ระยะเวลาเอกชนดำเนินการและใช้ประโยชน์พื้นที่โครงการได้เป็นระยะเวลา 50 ปี

การเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนในครั้งนี้ ถือเป็นการเสริมศักยภาพสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นสนามบินระดับโลก ซึ่งมีมาตรฐานระดับสูง ในด้านความปลอดภัย ความมั่นคง การให้บริการผู้โดยสาร และด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตลอดจนเป็นการยกระดับการพัฒนาพื้นที่ภายในสนามบินให้กลายเป็นเมืองการบินภาคตะวันออก (Eastern Airport City) และส่งผลให้ประเทศไทยก้าวขึ้นสู่การเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต โปรโมทแทรกอีบุ๊ก