ออมสินตื่นตัวคุมหนี้เสีย หลังเห็นสัญญาณเพิ่มขึ้นในสิ้นปี โดยเฉพาะหนี้ครู รายย่อยและหนี้ประชาชน คาดว่ายอดหนี้เสียเพิ่มเป็น 5.2 หมื่นล้านบาทจากไตรมาสแรกที่ 4.5 หมื่นล้านบาท พร้อมตั้งเป้ารายได้เก็บหนี้เสียรายเก่า 1.5 หมื่นล้านบาทเป็นเคพีไอปีนี้
ธนาคารออมสินรุกคืบคุมหนี้เสีย นำร่องเปิดศูนย์ควบคุมและบริหารหนี้ แห่งแรกที่ถ.เพชรบุรี ก่อนกระจายทั่วประเทศ 80 แห่งในสิ้นปีนี้ภายใต้นโยบายของนายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการ ธนาคารออมสินที่ระบุว่า แนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือ หลังเห็นสัญญาณการไต่ระดับของหนี้กลุ่มฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา(ช.พ.ค.) หรือกลุ่มรายย่อยทั้งสินเชื่อประชาชน สินเชื่ออเนกประสงค์ โดยคาดว่า สิ้นปีเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 2.6-2.7% ของสินเชื่อรวม หรือประมาณ 5.2 หมื่นล้านบาท จาก 2.19% หรือมูลหนี้รวม 4.5 หมื่นล้านบาทจากยอดสินเชื่อรวม 2.2 ล้านล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
“วัตถุประสงค์หลักของศูนย์ เพื่อดูแลลูกหนี้อย่างมีประสิทธิภาพตั้งแต่รายที่ค้างชำระ 1 วัน โดยมีทีมงานเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อรับฟังอุปสรรคของลูกค้าและให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด รวมถึงการปรับโครงสร้างหนี้สำหรับรายที่ดำเนินการฟ้องคดีไปแล้ว”นายชาติชายกล่าว
ด้านนายโชคชัย คุณาวัฒน์ รองผู้อำนวยการ ธนาคาร ออมสินเปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เบื้องต้นจะรับโอนเจ้าหน้าที่ 31 คนที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลคุณภาพหนี้มาจากสาขา หรือเขต มาประจำศูนย์ควบคุมและบริหารหนี้ซึ่งมืออาชีพเหล่านี้ จะมีทักษะในการวิเคราะห์ พูดคุย แนะนำและต่อรองซึ่งช่วยลูกหนี้ได้มากกว่า โดยแยกการปล่อยสินเชื่อกับการติดตามดูแลหนี้ออกจากกันเพื่อ Check &Balance ตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ซึ่งต่อไปสาขาจะทำหน้าที่ด้านการขายและให้บริการคำแนะนำลูกค้าส่วนศูนย์ควบคุมฯแห่งนี้มีเจ้าหน้าที่ 31 คนวัตถุประสงค์หลักคือ ติดตามทวงถามดูแลคุณภาพลูกหนี้ นอกจากนั้นยังได้ว่าจ้างบริษัทภายนอก (OUT SOURCE) ในการติดตามทวงถามหนี้และที่ปรึกษาด้านกฎหมายทั่วประเทศ
สำหรับโครงสร้างเอ็นพีแอลในปัจจุบัน นายโชคชัยกล่าวว่า ประมาณ 60% ของมูลหนี้ 4.5 หมื่นล้านบาทเป็นเอ็นพีแอลที่อยู่ระหว่างฟ้องคดี ส่วนใหญ่เป็นคดีแพ่ง ส่วนคดีล้มละลายมีประมาณ 1,000 ราย ประเภทสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อทั่วไป สินเชื่อข้าราชการและสินเชื่อธุรกิจมีเพียงเล็กน้อย ซึ่งพยายามเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ แต่ยอมรับว่า มีบางส่วนที่ปฏิบัติไม่ได้ตามเงื่อนไข จึงเห็นหนี้ไหลย้อนกลับเป็นเอ็นพีแอลบ้าง(Re-Entry) ส่วนใหญ่เป็นระดับฐานรากที่ถูกกระทบจากภาวะเศรษฐกิจมีวงเงินกู้หลักแสนบาทต่อราย
“หนี้ทุกกระบวนการที่ออมสิน ไม่ว่าฟ้องคดี รายที่ศาลมีคำพิพากษาแล้ว หลังจากนั้น เราเปิดให้ลูกค้าเข้ามาคุยตลอด ขณะเดียวกัน ต้องพยายามควบคุมค่าใช้จ่ายที่เกิดจากกันสำรอง จึงต้องควบคุมเอ็นพีแอล และป้องกันไม่ให้หนี้ตกชั้น ซึ่งปัจจุบันมีหนี้จัดชั้นที่กล่าวถึงเป็นพิเศษหรือ SM อีก 5 หมื่นล้านบาท หรือ 3-4% จากยอดสินเชื่อ 2.2 ล้านล้านบาท”
แหล่งข่าวอีกรายกล่าวเสริมว่า สำหรับลูกหนี้ในรายที่ Re-Entry ธนาคารมีการเจรจาใหม่เรื่อยๆ เพราะเจตนาเพื่อช่วยบรรเทาให้ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ หรือตามฤดูกาล แต่ยอมรับว่ามูลหนี้ที่ค้างชำระมาหลายปีบางรายใช้ขั้นตอนของศาลยื้อคดีก็มี อย่างไรก็ตาม ธนาคารตั้งเป้ารายได้ในการเรียกเก็บหนี้เดิมจำนวน 1.5 หมื่นล้านบาทซึ่งเป็นเคพีไอของทั้งปีนี้
เซ็กชั่น การเงิน หน้า 24 ฐานเศรษฐกิจ 3,367 วันที่ 20-23 พฤษภาคม พ.ศ. 2561