ตลอด ๗๐ ปี ๔ เดือน ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ของชาวไทย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ทรงขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าต่างอยู่เย็นเป็นสุข ดั่งพระปฐมบรมราชโองการ “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
พระราชภาระที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงปฏิบัติคือ การอุทิศเวลาในชีวิตไปในการดับทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชนทุกหมู่เหล่า ไม่ว่าจะอยู่ในถิ่นฐานใด ทุรกันดารแค่ไหน พระองค์ท่านจะเสด็จฯไปแทบทุกเขตคามบนพื้นที่ ๕๑๓,๑๑๕ ตารางกิโลเมตรของประเทศ เพื่อให้คนไทยได้อยู่ดีกินดี
นับตั้งแต่ครองราชย์ทรงใช้เวลาเกือบจะทั้งหมดในพระชนมชีพประทับอยู่บนผืนแผ่นดินไทย อยู่ท่ามกลางหมู่มวลประชาชนของพระองค์ สมดั่งทรงตั้งพระราชปณิธานว่า “ที่ของข้าพเจ้าในโลกนี้คือ การอยู่ท่ามกลางประชาชนของข้าพเจ้า คือ คนไทยทั้งปวง...”
พระราชกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติ พระบารมี พระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงร่วมทุกข์สุขกับประชาชนได้สถิตอยู่ในจิตใจพสกนิกรทุกหมู่เหล่า
ในรัชสมัยของพระองค์ ประเทศไทยมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นมากมาย ทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคมโลก แต่ด้วยพระปรีชาสามารถและปณิธานจะทรงครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม เหตุการณ์ทั้งหลายก็ผ่านไปได้ด้วยดีเสมอมา นับเป็นพระบารมีปกเกล้าฯ พระองค์ทรงนำพาไทยให้พ้นพงหนามมาหลายครั้งหลายครา ไม่ว่าสถานการณ์การเมืองโลกที่คุกรุ่นในยุคสงครามเย็น ยุคสังคมนิยมคอมมิวนิสต์
รัชสมัยของในหลวง ร.๙ การเมืองในประเทศก็อยู่ช่วงการปรับตัวมาสู่ยุคการสร้างสังคมประชาธิปไตยที่เกิดเหตุรัฐประหารหลายครั้งที่แทบจะกลายเป็นสงครามกลางเมือง ไม่ว่าเหตุการณ์ ๑๔ ตุลา พฤษภาทมิฬ จนถึงยุคม็อบ พันธมิตรฯ และมวลมหาประชาชน กปปส. ฯลฯ แต่ด้วยพระบารมีและพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อสังคมไทย พระองค์ท่านก็ทรงนำพาประเทศชาติผ่านมรสุมทุกครั้งมาได้ โดยไม่มีสงครามกลางเมืองที่ทำให้เสียเลือดเนื้อเหมือนหลายประเทศในตะวันตก
ทางด้านเศรษฐกิจ พระองค์ทรงวางพื้นฐานการเกษตร การจัดการนํ้าของประเทศครั้งใหญ่ สร้างระบบชลประทาน ทรงจัดทำฝนหลวงเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง ทรงแก้ปัญหานํ้าท่วมและนํ้าแล้ง ด้วยโครงการแก้มลิง ทรงแก้ปัญหาดิน สร้างนิคมและสหกรณ์การผลิต นับตั้งแต่ทรงเริ่มโครงการขยายพันธุ์ปลาหมอทั่วประเทศในปี ๒๔๙๕ จนถึงขณะนี้เกิดโครงการพระราชดำริ โครงการหลวง เพื่อปรับกระบวนการผลิตให้ยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง
ยามประเทศเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ๒๕๔๐ จนแทบเป็นเมืองขึ้นของมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ พระองค์ก็ทรงมีรับสั่ง ให้สร้างความอยู่รอดที่มั่นคง ด้วยการพัฒนาให้สามารถพึ่งตัวเองได้
พระราชดำรัสครั้งนั้น ต่อมาได้กลายเป็นปรัชญาการพึ่งตัวเอง ด้วยเศรษฐกิจพอเพียง และเติบโตจากภายในอย่างยั่งยืน ที่ปัจจุบันถูกบรรจุไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
พระราชภาระตลอด ๗๐ ปีที่ครองราชย์ พระองค์ท่านได้ยุติทุกข์ของแผ่นดินด้วยเดชะพระบารมี มิเพียงแต่สถิตในใจไทยตราบนิรันดร์เท่านั้น หากแต่วัตรปฏิบัติของพระองค์ท่านได้ทำให้ชาวโลกได้ประจักษ์ว่าทรงเป็นราชาแห่งราชันของมวลมนุษย์
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,308 วันที่ 26 - 28 ตุลาคม พ.ศ. 2560