อสส.สั่งรื้อคดี “ทักษิณ” ปล่อยกู้แบงก์กรุงไทย-ภาษีสรรพสามิต จ่อชงคณะทำงานอัยการตรวจสอบรายละเอียดก่อนยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯนักการเมืองพิจารณาคดีลับหลัง
นายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุด (อสส.) กล่าวถึงการบังคับใช้ พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ฉบับใหม่จะส่งผลกระทบต่อคดีทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB กับกลุ่มกฤษดามหานคร ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีในส่วนของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไม่เดินทางมาศาล และถูกออกหมายจับ รวมถึงคดีทุจริตออกกฎหมายแก้ไขค่าสัมปทานโทรศัพท์มือถือและดาวเทียมเป็นภาษีสรรพสามิต หรือไม่ ว่าคดีดังกล่าวเป็นการยื่นฟ้องคดีในกฎหมายเก่าปี 2542 ที่เดิมไม่สามารถที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาคดีลับหลังโดยที่ไม่มีตัวจำเลยได้แต่กฎหมายใหม่ที่เพิ่งออกมา พ.ศ.2560 มาตรา 28 ให้ศาลสามารถดำเนินกระบวนพิจารณาคดีโดยไม่มีตัวจำเลย หรือพิจารณาคดีลับหลัง และบทเฉพาะกาล มาตรา 69 ของกฎหมายใหม่ได้ระบุไว้ว่าการดำเนินการใดที่เกิดขึ้นมาโดยสมบูรณ์ตามกฎหมายเก่าแล้วนั้น จะไม่ได้รับผลกระทบแต่ให้พิจารณาต่อไปตามกฎหมายใหม่ที่บังคับใช้ ดังนั้นความเห็นส่วนตัวจึงเห็นว่าคดีดังกล่าวสามารถรื้อฟื้นกลับมาพิจารณาใหม่ได้
อัยการสูงสุด กล่าวว่า จะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาเรื่องนี้โดยให้อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ เดิมเคยเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบคดีเป็นผู้เสนอรายชื่อคณะทำงานที่เหมาะสมขึ้นมา และยังไม่มีการกำหนดระยะเวลา ก่อนยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ นักการเมือง ขอให้นำคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่ ซึ่งหากศาลฎีกาฯนักการเมืองเห็นตรงกันในการบังคับใช้กฎหมายส่วนนี้ก็สามารถดำเนินการต่อได้
“มีความกังวลเกี่ยวกับกระแสสังคมที่มีหลายฝ่ายมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันแต่มันเป็นสิ่งที่ต้องทำ เนื่องจากมีการออกกฎหมายมาแล้ว หากไม่ดำเนินการก็จะถูกวิจารณ์จากอีกฝ่ายว่าไม่บังคับใช้กฎหมาย แต่เมื่อเรื่องถึงขั้นตอนศาลแล้วศาลจะเห็นอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”อัยการสูงสุดระบุ
สำหรับคดีทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทยฯกับกลุ่มกฤษดา มหานครศาลฎีกานักการเมือง สั่งลงโทษผู้ต้องหา 27 คน มีทั้งสั่งจำคุกและชดใช้เงิน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิเคราะห์สินเชื่อ กลุ่มคณะกรรมการบริหารกลุ่มนิติบุคคล ขณะที่นายทักษิณ ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 หลบหนี ศาลสั่งออกหมายจับ และให้จำหน่ายคดีไว้ชั่วคราว
ส่วนคดีทุจริตออกกฎหมายแก้ไขค่าสัมปทานโทรศัพท์มือถือและดาวเทียมเป็นภาษีสรรพสามิต อัยการสูงสุด ยื่นฟ้องนายทักษิณ กรณีเอื้อประโยชน์ธุรกิจบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ทำให้รัฐเสียหาย 6.6 หมื่นล้านบาท โดยศาลฎีกาฯนักการเมืองนัดพิจารณาคดีครั้งแรกวันที่ 15 ตุลาคม 2551 ศาลได้ออกหมายจับนายทักษิเนื่องจากไม่มาศาล และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความไว้เป็นการชั่วคราว
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,303 วันที่ 8 - 11 ตุลาคม พ.ศ. 2560