แอดยิ้มผนึกเอวีจีลุยอีคอมเมิร์ซจีน

26 ก.ค. 2560 | 09:35 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

แอดยิ้ม ผนึก เอจีวี จากจีน  ตั้งบริษัท รุกตลาดดิจิตอลในจีน  รับเทรนด์อีคอมเมิร์ซจีนบูมมูลค่ากว่า 27 ล้านล้าน หวังปีแรกรายได้ 50 ล้าน ก่อนก้าวกระโดดทะลุ 100 ล้านในปีหน้า

นายธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  แอดยิ้ม (Adyim) เปิดเผยว่า  เทรนด์การตลาดดิจิตอลของประเทศจีนในปัจจุบันนั้น  มีการขยายตัวอย่างมาก โดยเฉพาะตลาดอีคอมเมิร์ซที่มีการเติบโตเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ปัจจุบันมีการขยายตัวแตะ 8.12 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ  27 ล้านล้านบาท   คิดเป็นสัดส่วน  17% ของยอดค้าปลีกทั้งหมดทั่วประเทศ  ขณะที่ประเทศไทยมีมูลค่า 2.1 ล้านล้านบาท มีสัดส่วนประมาณ 4% ของยอดค้าปลีกทั้งหมด  โดยปัจจุบันห้างสรรพสินค้าในจีนเริ่มประสบปัญหาการทยอยปิดกิจการเช่นเดียวกับในประเทศสหรัฐอเมริกา  เนื่องจากห้างสรรพสินค้าไม่สามารถขึ้นค่าเช่าพื้นที่ได้  ผู้ค้าปลีกปิดร้านค้าในห้างสรรพสินค้าและหันไปเปิดขายในออนไลน์หรือหันไปลงโฆษณาขายของบนแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซใหญ่ๆ เช่น Tmall, Taobao เป็นต้น

IMG_3222   แอดยิ้ม จึงได้ร่วมกับบริษัท เอวีจี จำกัด จัดตั้งบริษัท เอวีจี ประเทศไทยฯ ขึ้นเนื่องจากทาง เอวีจีเป็นบริษัทมีเดียแพลตฟอร์มสัญชาติจีนที่ใหญ่ที่สุดและมีความเชี่ยวชาญด้านการทำมีเดียในประเทศจีนต้องการขยายธุรกิจให้ครอบคลุมพื้นที่เออีซีทั้งหมด ส่วนแอดยิ้มก็เล็งเห็นโอกาสในการช่วยแบรนด์และเจ้าของธุรกิจไทยลุยขยายตลาดไปยังประเทศจีนซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับ 1ของไทย  ซึ่งการขยายตลาดไปยังประเทศจีนสำเร็จจะหมายถึงเม็ดเงินจำนวนมหาศาล แต่ในปัจจุบันเจ้าของธุรกิจและนักการตลาดส่วนใหญ่ยังไม่มีความรู้และความเชี่ยวชาญพอที่จะเข้าไปสร้างแบรนด์และขยายธุรกิจในประเทศจีน   โดยบริษัทได้ตั้งเป้าหมายผลประกอบการในปีนี้ไว้  50 ล้านบาท และภายในปี 2561 จะมีรายได้ 100 ล้านบาท

สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่บริษัทฯ วางไว้  จะเป็นกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว เช่น  โรงแรม, ห้างสรรพสินค้า, สินค้าของฝาก รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคทุกชนิด เช่น ครีม, เครื่องสำอาง, ยาดม, ขนม ฯลฯ ที่มีความสนใจขยายตลาดไปยังประเทศจีน เพราะดูจากสถิติคนจีนที่มาเที่ยวไทยเมื่อปีที่แล้วมีจำนวนมากถึง 10 ล้านคน ซึ่งไทยจัดเป็นประเทศท่องเที่ยวอันดับ 1 ของคนจีน และคนจีนมีความนิยมแบรนด์และสินค้าไทยเพราะเชื่อมั่นในคุณภาพ

IMG_3224

 

“ความท้าทายและอุปสรรคในการทำการตลาดดิจิตอลในจีน  นั้นจะเป็นเรื่องของขนาดตลาดที่ใหญ่  ใครก็อยากเข้าไป แต่ก็ไม่ได้เข้าไปกันได้ง่าย  เพราะยังมีอุปสรรคในเรื่องของภาษา  วัฒนธรรม  ไม่ใช่ว่าสินค้าทุกอย่างจะสามารถประสบความสำเร็จในจีนได้ สินค้าต้องตอบโจทย์และทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ที่สำคัญตลาดจีนมีการแข่งขันที่ดุเดือดเพราะคนจีนค้าขายเก่งมาก เราจึงควรหาจุดต่างไม่ควรไปขายแข่งเพราะโอกาสจะชนะมีน้อย และอีกเรื่องที่ต้องระวัง คือ สินค้าลอกเลียนแบบ ควรหาทางป้องกันเสียแต่เนิ่นๆ เพราะถ้ามีประเด็นนี้เกิดขึ้นมาแล้วถือเป็นเรื่องยากที่จะไปฟ้องร้องชนะคนจีนได้”