กลุ่มปตท.รุกลงทุนญี่ปุ่นเริ่มสร้างแบรนด์ไทยในตลาดกาแฟโลก

03 กรกฎาคม 2560
ปตท.บุกธุรกิจใหม่ GPSC ทุ่มกว่า 3,000 ล้านบาท สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 20.8 เมกะวัตต์ ณ ประเทศญี่ปุ่น ลงทุนเทคโนโลยีแบตเตอรี่ในสหรัฐอเมริกา รองรับธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานทางเลือกของไทย    ด้านหน่วยธุรกิจน้ำมัน ปตท. ซึ่งอยู่ระหว่าง การโอนกิจการไป PTTOR ปักหมุดแบรนด์คาเฟ่อเมซอนในญี่ปุ่น ตลาดกาแฟ ใหญ่ 1 ใน 3 ของโลก

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปตท.เดินหน้าพฒันาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของไทยให้เข้มแข็งควบคู่การแสวงหาธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพ เพื่อการเติบโตในอนาคต โดยเริ่มลงทนุในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและกาแฟในประเทศญี่ปุ่น   แสดงให้เห็นถึงความพร้อม และศัก ยภาพของ กลุ่ม ปตท. โดยเฉพาะ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC และหน่วยธุรกิจน้ำมัน ของ ปตท. ที่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้

[caption id="attachment_173403" align="aligncenter" width="377"] ดร.เติมชัย บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผ้จัดดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด(มหาชน) ดร.เติมชัย บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผ้จัดดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด(มหาชน)[/caption]

ดร.เติมชัย บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผ้จัดดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า  GPSC มุ่งเน้นนวัตกรรมพลังงานแห่งอนาคต ในธุรกิจระบบกักเก็บพลังงงาน หรือ Energy Storage System (ESS)  ที่จะกลายเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจพลังงานต่อไป ซึ่ง GPSC ได้มีการร่วมมือกับ 24 M Technologies Inc. หรือ 24M  ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ที่จะมีราคาถูกลง มีประสิทธิภาพดี และ เป็นมิรต่อสิ่งแวดล้อม นำมาใช้ในระบบกักเก็บพลังงาน สำหรับเป็นพลังงานสำรองสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ซึ่งเป็นพลังงาน สะอาด ที่จะมีการจ่ายไฟเสถียรภาพมากขึ้น ลดภาระโรงไฟฟ้าหลัก และลดการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ โดย GPSC ได้รับสิทธิใน การใช้เทคโนโลยีในการผลิตและจำหน่ายแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่มีนวตักรรมใหม่ เพื่อทำตลาด ระบบกัก เก็บพลงั งานใน ประเทศไทยรวมถึงภูมิภาคอาเซียน ภายในปี 2562 และจากบทพิสูจน์ความสำเร็จของ GPSC ในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดในญี่ป่นุ GPSC มีแผนมุ่งที่จะขยายการลงทุนไปยังกลุ่มประเทศประชาเศรษฐกิจอาเซียนอย่างต่อเนื่อง ซงึ่ เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสังคม และสิ่งแวดล้อมด้วยพลังงานสะอาดให้ดียิ่งขึ้น  นับเป็นก้าวสำคัญองกลุ่ม ปตท. ในการพัฒนาธุรกิจใหม่ (New  S-Curve) ควบคู่กับการสร้างความมั่นคงทางพลังงาน

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์  รองกรรมการผ้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผย่า ปตท. มีความพร้อมในการขยายลงทุนและแข่งขันทั้ง ในและต่างประเทศอยู่แล้ว  ล่าสุด ปตท. ได้เปิดร้าน คาเฟ่อเมซอน สาขาคาวากุจิ จังหวัดฟุกุชิม่า ประเทศญี่ป่นุ  ซึ่งเป็นตลาดกาแฟที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก    จึงเป็นโอกาสอันดีในการเริ่มรุกตลาดกาแฟสดในเอเชีย นอกเหนือจากการทยอยเปิดสาขาต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียนไปแล้วก่อนหน้านี้ 62  แห่ง

สำหรับร้านคาเฟ่อเมซอนแห่งนี้ ปตท.ได้ขายสิทธิ์แฟรนไชส์ให้กับับริษัท โคโดโม เอเนอร์จี จำกัดซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจสีเขียวด้วยการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ให้ความสำคัญกับการทำกิจกรรมเพื่อสังคม รวมถึงสนับสนุนการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับชาวญี่ปุ่น โดย ปตท.ได้รับเชิญจากนายอิวาโมโตะ นักธุรกิจที่เคยมาช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ทางภาคอีสาน และติดใจรสชาติกาแฟอเมซอน อีกทั้งมีความตั้ง ใจสนับสนุนรัฐบาลญี่ปุ่น ที่จะ ชักชวนประชาชนซึ่งได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติแผ่นดินไหวสึนามิเมื่อปี 2554 ให้กลับคืนสู่พื้นที่ จึงได้ลงทุนเปิด โรงงานผลิตเซรามิกสังเคราะห์เรืองแสงที่เมืองดังกล่าว พร้อมตั้ง ใจเปิดร้านกาแฟคณุภาพสำหรับชาวเมืองและผู้สัญจรผ่านไปมา รวมถึงได้รับเกียรติจาก นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะรวม 50 ท่าน เดินทางมาเยือนเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคญัต่อการสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย

ความพิเศษของร้านคาเฟ่อเมซอน สาขาคาวากุจิ คือ ปตท. ได้ทดลองพัฒนากาแฟสูตรพิเศษ เพื่อสาขานี้ โดยเฉพาะ จึงมั่น ใจว่าจะตรงกับรสนิยมของชาวญี่ปุ่น  รวมทั้งยังใช้เมล็ดกาแฟจากโครงการหลวงของไทย เพื่อส่งเสริมให้เกษตรทางภาคเหนือของประเทศไทย มีความเป็นอย่ดีขึ้น นอกจากนี้โดโดโม เอเนอร์จี อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไป ได้ในการเปิดร้านคาเฟ่อเมซอนในเมืองใหญ่อื่นๆ อาทิ โอซาก้า และโตเกียวต่อไป นอกจากการขยายแบรนด์ค้าปลีกมาสู่ตลาดญี่ปุ่นแล้ว หน่วยธุรกิจน้ำมัน ปตท.ยังขยายความร่วมมือด้านธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า โดยจับมือกับ 2 ค่ายยรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น คือ นิสสัน และมิตซูบิชิ และกับอีก 4 ค่ายรถยนต์ชั้นนำ ประกอบด้วย บีเอ็มดับเบิลยู เมอร์เซเดส-เบนซ์  ปอร์เช่  และวอลโว่ ทั้งนี้ ปตท. ได้เริ่มศึกษาวิจัย และพฒันาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้ามาตั้งแต่ปี 2554 เพื่อสร้างองค์ความรู้และเตรียมความพร้อมรองรับธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า ปัจจุบัน ปตท. มี PTT EV Station ที่มีเครื่องชาร์จไฟที่ได้มาตรฐานยุโรป (IEC) และ มาตรฐานญี่ปุ่น (CHAdeMO) ทั้งหมด 6 แห่ง ได้แก่ อาคาร ปตท. สำนักงานใหญ่  สถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท.  อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา  สถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขาแหลมฉบงั ขาออก จ.ชลบุรี และสถานีบริการน า้ มนั ปตท. สาขา The Crystal PTT ถ.ชยั พฤกษ์   สถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขาสวสัดิการสำนักปลัด กระทรวงกลาโหม (บางนา ขาเข้า) และ สถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขาสวัสดิการสำนักงานปลัด กระทรวงกลาโหม (บางนา ขาออก) โดยมีแผนที่จะ ขยายเพิ่มเป็น 20 สถานี ภายในปี 2560 ทั้งหมดนี้นับเป็นความมุ่งมั่นของกลุ่ม ปตท. ในการสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทย ด้วยการสร้างแบรนด์ไทย ให้เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติ พร้อมพัฒนาพลังงานทางเลือกให้ก้าวทันสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็วและ ตลอดเวลา เพื่อดูแลความมั่นคงทางพลังงานของประเทศให้มีใช้อย่างเพียงพอ ทั่วถึงเป็นธรรม และยั่งยืน