กระทรวงแรงงานเตือนนายจ้างแจ้งรายชื่อสารเคมีที่ใช้ ฝ่าฝืนผิดกม.

21 พ.ค. 2560 | 02:53 น.
อัปเดตล่าสุด :21 พ.ค. 2560 | 09:53 น.
กระทรวงแรงงาน เผยผลการตรวจสถานประกอบกิจการที่มีการใช้จัดเก็บสารเคมีอันตรายตามมาตรการ ๓-๓-๒ พบสถานประกอบกิจการปฏิบัติไม่ถูกต้องเรื่องการจัดทำบัญชีรายชื่อสารเคมีอันตรายและรายละเอียดข้อมูลความปลอดภัยฯ มากสุด ย้ำนายจ้าง ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหากฝ่าฝืนมีโทษอาญา

อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน(กสร.) เปิดเผยถึงผลการตรวจ ความปลอดภัยฯแบบเข้มข้นตามมาตรการ 3-3-2 ในสถานประกอบกิจการที่มีการใช้สารเคมีว่า ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนเมษายน 2560 ได้ดำเนินการตรวจสถานประกอบกิจการ 986 แห่งลูกจ้างเกี่ยวข้อง 126,458 คน พบสถานประกอบกิจการปฏิบัติไม่ถูกต้อง 307 แห่ง พนักงานตรวจความปลอดภัยได้ออกคำสั่งให้ปรับปรุงแล้ว 282 แห่ง ให้นำเอกสารมาแสดง 25 แห่ง ในจำนวนนี้ได้ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย 1 แห่ง ทั้งนี้พบว่าเรื่องที่ปฏิบัติไม่ถูกต้อง 3 ลำดับแรก ได้แก่ ไม่จัดทำบัญชีรายชื่อสารเคมีอันตรายและรายละเอียดข้อมูลความปลอดภัยของสารเคมีที่มีอยู่ในครอบครองและแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบภายในเจ็ดวัน จำนวน 177 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 57.6, ไม่ปิดฉลากรายละเอียดเกี่ยวสารเคมีเป็นภาษาไทยไว้ที่หีบห่อหรือภาชนะบรรจุสารเคมีอันตราย จำนวน 80 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 26 และไม่จัดทำคู่มือ ขั้นตอนการทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย จำนวน 25 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 8.19 ตามลำดับ ซึ่งทั้ง 3 เรื่องที่ไม่ปฏิบัตินั้น เป็นหลักการพื้นฐานที่ควรปฏิบัติ เพื่อศึกษาทำความเข้าใจสารเคมีที่ตนใช้ ข้อปฏิบัติที่ปลอดภัยในการนำสารเคมีมาใช้ ข้อควรระวังต่างๆ รวมทั้งการไม่ติดฉลากรายละเอียด คู่มือและขั้นตอนการทำงานเพื่อสื่อสารให้ผู้พบเห็นหรือผู้ใช้เข้าใจถึงอันตรายปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ไม่ก่อเกิดอันตรายเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย พ.ศ.2556 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้สถานประกอบกิจการที่มีการใช้สารเคมีอันตรายให้ปฏิบัติให้ถูกต้องที่กฎหมายกำหนดหากฝ่าฝืนจะดำเนินการตามกฎหมาย

กรณีมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด หรือที่โทรศัพท์สายด่วน 1546