ทุกวันนี้ผู้บริโภคต่างใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น ทำให้สินค้าหลายตัวได้รับความนิยม โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับอาหาร "กรีนเดย์" ผักผลไม้อบกรอบ จัดว่าเป็นหนึ่งในสินค้ายอดฮิตที่อยู่ในทำเนียบคนรักสุขภาพไปแล้ว
"สอง" หรือ ชัยรัตน์ คงศุภมานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรีนเดย์ โกลบอล จำกัด เจ้าของแบรนด์ "กรีนเดย์(greenday)" ให้สัมภาษณ์ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า แม้จะจบการศึกษาจากรั้วจามจุรี ด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีทางอาหาร มาทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร แต่ใช่ว่าจะง่าย เพราะการทำสินค้าที่มีคุณภาพออกสู่ตลาดนั้นเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญ เพราะเกี่ยวกับปากท้อง กว่าสินค้าจะออกมาเป็นที่ยอมรับได้ ต้องใช้ความอดทนสูง ลองผิดลองถูกมาก่อนหลายปี จนเปิดตัวได้ในปี2548 กระทั่งทุกวันนี้กลายเป็นผู้ผลิตที่รับออร์เดอร์จนมือระวิง ล้นมือจนโรงงานผลิตรองรับไม่ทัน!
ด้วยนวัตกรรมที่โดดเด่น สามารถตอบโจทย์คนรักสุขภาพได้ตรงเป้าที่สุด ตั้งแต่การใช้วัตถุดิบที่มีจุดยืนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรหลายฟื้นที่โดยส่งเสริมการซื้อผัก ผลไม้ ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักจากเกษตรกรในพื้นที่ภาคกลางโดยมีพ่อค้าคนกลางรวบรวมมาให้
[caption id="attachment_148782" align="aligncenter" width="503"]
‘กรีนเดย์’รุกคืบธุรกิจ เดิน3แผนเร่งยอดขายทะลุพันล้าน[/caption]
ล่าสุดบริษัทมีแผนบริหารความเสี่ยงในการใช้วัตถุดิบโดยเตรียมทำคอนแทร็กต์ฟาร์มมิ่ง (Contract Farming) โดยทำสัญญาซื้อขายผลผลิตล่วงหน้ากับภาคเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดพะเยาและฉะเชิงเทรา เป็น 2 จุดนำร่องที่จะเริ่มก่อนในเร็วๆนี้
เช่นเดียวกับการเลือกใช้น้ำมันที่เปลี่ยนจากน้ำมันปาล์ม มาเป็นน้ำมันลำข้าว จนเป็นรายแรกที่ทอดสุญญากาศในระบบปิดใช้น้ำมันและส่วนผสมของน้ำตาลน้อยที่สุด ทำให้ผัก ผลไม้อบกรอบที่ออกมามีรสชาติหวานธรรมชาติ มีกลิ่น และสีสม่ำเสมอน่ารับประทาน จนไปถึงการเปลี่ยนแปลงแพ็กเกจจิ้ง ยกระดับสินค้า ให้มีมูลค่าสูงขึ้น
-
เดิน3แผนเร่งยอดขายโต
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรีนเดย์ โกลบอล จำกัด ตั้งเป้าหมายว่า ปี2560 จะต้องให้น้ำหนักกับ 3 สิ่งที่เป็นตัวเร่งสร้างการเติบโตให้สำเร็จ ไล่ตั้งแต่ 1.ลงทุน 200 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่ในพื้นที่ใกล้เคียงที่จังหวัดสมุทรปราการ(ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู )ซึ่งล่าสุดคืบหน้าไปแล้ว 70%
"เราเพิ่งเปิดพันธมิตรร่วมทุนกับ บริษัท ไดมอน เอเชีย ไพรเวต เอควิตี ประเทศสิงคโปร์ เข้ามาถือหุ้นเมื่อเร็วๆนี้ โดยบริษัทดังกล่าวมีเป้าหมายเข้ามาลงทุนในวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อร่วมลงทุนในโรงงานแห่งใหม่ขยายกำลังผลิตจาก 900 ตันต่อปี(ใช้วัตถุดิบ9,000ตันต่อปี)เพิ่มอีกเท่าตัว หรือรวมกำลังผลิตเป็น1,800 ตันต่อปี ที่คาดว่าปี2561 จะสามารถผลิตได้เต็มเพดาน โดยโรงงานแห่งใหม่นี้จะแล้วเสร็จในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้"
สาเหตุที่ต้องขยายกำลังผลิตเนื่องจากสถานะของบริษัท มี 2 บทบาทคือ เป็นผู้ผลิตในลักษณะรับจ้างผลิตหรือโออีเอ็มให้กับแบรนด์อื่นๆในสัดส่วน 60% ของกำลังผลิตทั้งหมด และผลิตขายภายใต้แบรนด์ "กรีนเดย์" สัดส่วน 40% ขายทั้งในประเทศและส่งออก ซึ่งในส่วนนี้ปัจจุบันมีการส่งออกและขายในประเทศฝ่ายละ 50% โดยตลาดส่งออกกำลังได้รับการขานรับที่ดีจนขณะนี้มีฐานลูกค้าทั่วโลก 25 ประเทศ มีตลาดหลักอยู่ที่ฮ่องกง สิงคโปร์ ยุโรป เมียนมา อินโดนีเซีย
2. เปิดช็อป "กรีนเดย์" ที่ Show DC (โชว์ ดีซี) พระราม 9 เพื่อขายนักท่องเที่ยว ขนาดพื้นที่ขาย200ตารางเมตร เป็นศูนย์รวมการวางสินค้าทุกตัวที่ผลิต 3.รุกตลาดมิเดลอีสมากขึ้น โดยล่าสุดเพิ่มได้ลูกค้าจากประเทศซาอุดีอาระเบีย เป็นบริษัทตัวแทนจำหน่ายเข้ามาสั่งซื้อสินค้าล็อตใหญ่เมื่อเดือนเมษายนประมาณ 3 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือราว1.50 แสนซอง(รวมหลายขนาด) ซึ่งระหว่านี้อยู่ในช่วงทยอยส่งมอบ
-
ตั้งเป้ายอดขายทะลุพันล้าน
ชัยรัตน์ อธิบายว่า ปัจจุบันสินค้าที่ผลิตมาจากวัตถุดิบผักผลไม้รวมประมาณ 30 ชนิด และตัวท็อปยอดนิยมจะมี 4 ผลิตภัณฑ์คือกระเจี๊ยบอบกรอบ บร็อกโคลิอบกรอบ สตรอเบอร์รี่อบกรอบและมะพร้าวอบกรอบ ที่บรรจุอยู่ในซองตั้งแต่ขนาด 12 กรัมไปจนถึงขนาด 90 กรัม ในราคาตั้งแต่ 20 บาทต่อซอง ขนาด 25กรัมไปจนถึงขนาด 90 กรัมในราคากว่า 300 บาทต่อซองที่ส่วนใหญ่จะเป็นทุเรียนอบกรอบ
บริษัทตั้งเป้าว่าปี2561 จะเป็นปีที่ผลิตได้เต็มเพดานรวมกำลังผลิต2แห่งอยู่ที่ 1,800 ตันต่อปีจะทำให้มีมูลค่ายอดขายโตกว่า 1,000ล้านบาท จากที่ปี2559 มียอดขายราว 500 ล้านบาท ปี2560 จะเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว30% ดังนั้นเป้าหมายที่จะทำให้ได้ตามเป้าไม่น่าจะยาก โดยมีช่องทางจำหน่ายที่ ท็อปส์, เดอะมอลล์, วิลล่า,เอสอี-อีดี,บี2เอส, บิ๊กซี, โชว์ ดีซี, เซเว่น และแฟมิลี่ มาร์ท
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,261 วันที่ 14 - 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2560