พาณิชย์เร่งเดินหน้ากรอบความร่วมมืออาลีบาบา

17 เม.ย. 2560 | 03:24 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

นางอภิรดี  ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยความคืบหน้า พาณิชย์ร่วมมือกับอาลี บาบา เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของ SMEs ไทยให้สามารถดำเนินธุรกิจผ่านช่องทางการค้าออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่าได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินงานตามกรอบความร่วมมือกับ อาลี บาบา ซึ่งครอบคลุมประเด็นสำคัญทั้ง 4 ด้าน ได้แก่

1.การเสริมสร้างความเข้มแข็งของ SMEs และการพัฒนา National E-Commerce Platform ตัวอย่าง จากความสำเร็จของ  อาลีบาบา กรุ๊ป  ในการเข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ประกอบการรายเล็กๆ ในชุมชนห่างไกลให้สามารถทำการค้าทางออนไลน์ผ่าน Platform ของบริษัทอาลีบาบาฯ  ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ได้มีการจัดตั้งสถาบันผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (New Economy Academy หรือ NEA) เพื่อเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาและยกระดับผู้ประกอบการ SMEs ของไทยให้เข้าสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ผ่านเครือข่ายความร่วมมือที่เชื่อมต่อถึงกันทั่วประเทศ ทั้งนี้ ได้เริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2560 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2560 บริษัท ลาซาด้า จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัทอาลีบาบาฯ ได้ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ภายใต้ สถาบัน NEA  โดยเป็นส่วนหนึ่งในการให้ความรู้และพัฒนาศักยภาพด้านการค้าออนไลน์ในหลักสูตร “SMEs 4.0 เจาะตลาดออนไลน์”  ซึ่งได้รับการต้อนรับจาก SMEs เป็นอย่างดี  มีผู้เข้าร่วมหลักสูตรนี้แล้ว กว่า 4,273 ราย

2.การพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี โดยมีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ดำเนินการพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ผ่านการสร้างวิทยากร (Train the trainers) ทั้งนี้ บริษัทลาซาด้าฯ    ได้ให้การอบรมวิทยากรไปแล้ว  จำนวน 250 ราย ในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และกระทรวงดิจิทัลฯ มีกำหนดจัดอบรมพัฒนาศักยภาพบุคลากร โดยวิทยากรที่ผ่านการอบรมของบริษัทลาซาด้าฯ ณ ศูนย์ดิจิทัลชุมชน จำนวน 600 ศูนย์ทั่วประเทศ

3.การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ในประเทศ โดยมีบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จัดตั้งคณะทำงานผลักดันความร่วมมือพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน และการจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บน (Bonded Warehouse) ร่วมกับกลุ่มธุรกิจในเครืออาลีบาบา กรุ๊ป และหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมศุลกากร เพื่อการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมและเกิดการบูรณาการ    มากขึ้น และมีกลุ่มธุรกิจในเครืออาลีบาบา กรุ๊ป ให้แนวทางแก่บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เกี่ยวกับการพัฒนาระบบการจัดการคลังสินค้าและการให้บริการ Fulfillment สำหรับธุรกรรม E-Commerce ระหว่างประเทศ โดยนำรูปแบบของ   กลุ่มธุรกิจในเครืออาลีบาบา กรุ๊ป มาปรับใช้กับการวางระบบงานคลังสินค้าทัณฑ์บน (Bonded Warehouse)  ของไปรษณีย์ไทย

4.การเชิญชวนบริษัทอาลีบาบา กรุ๊ป จำกัด มาลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor Development : EEC) เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2560 ที่ผ่านมีการเชิญชวนบริษัทอาลีบาบาฯ มาลงทุนในโครงการ EEC เกิดผลเป็นรูปธรรม กระทรวงพาณิชย์โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้             นำคณะทำงานของบริษัทลาซาด้าฯ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจในเครืออาลีบาบา กรุ๊ป เยี่ยมชม 3 นิคมอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ ในโครงการ EEC ได้แก่ (1) นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (จ.ชลบุรี) (2) เหมราชอีสเทิร์น ซีบอร์ด (จ.ชลบุรี) และ (3) อมตะซิตี้ (จ.ระยอง) และได้รับมอบหมายให้เป็นผู้แทนใน การหารือแนวทางพัฒนาโครงการ E-Commerce Park ในไทย  โครงการ Lazada E-Commerce Park ของบริษัทลาซาด้าฯ ถือเป็นโครงการสำคัญเป็นอย่างยิ่ง และแสดงถึงความมุ่งมั่นในการลงทุนในประเทศไทยในอีกหลายปีข้างหน้า  โครงการนี้ จะเป็นศูนย์รวมของระบบโครงสร้างด้านโลจิสติกส์และเทคโนโลยีขั้นสูง และ Ecosystem ครบวงจรสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ผู้ผลิต ผู้ให้บริการ และพันธมิตรทางโลจิสติกส์   เป็นการเปิดช่องทาง สู่ตลาดโลก และประเทศเพื่อนบ้านของไทย สามารถช่วยเหลือ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ได้ตรงตามแนวทางเศรษฐกิจ 4.0 ของรัฐบาลไทย